ระนองถึงจะเป็นเมืองรองแต่ต้องไปเที่ยวสักครั้ง

ระนองถึงเป็นเมืองรองแต่ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวไม่เคยเป็นรองใคร ด้วยเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นทะเลสวยงาม ทำให้ระนองเป็นหนึ่งในเส้นทางในฝันของนักท่องเที่ยวบางคนที่ต้องมาสัมผัสความงามนี้ให้ได้ เช่นที่เกาะพยาม ที่ได้รับคำชื่นชมว่าเป็นมัลดีฟส์ของเมืองไทยก็คงไม่ผิดนัก ภาพของรีสอร์ทสวย ๆ น้ำใส ๆ ตัดกับฟ้าสีฟ้าคราม ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนหลงลืมไปว่าอยู่มัลดีฟส์จริง ๆ

นอกจากจะมีเวลาว่างนั่งชมความสวยงามของน้ำทะเลแล้ว ตอนกลางของเกาะพยามยังสามารถเดินชมป่า ชมธรรมชาติรวมถึงฝูงลิง นกต่าง ๆ และถ้าหากโชคดีอาจได้เห็นนกเงือกสวย ๆ บินผ่านไปผ่านมาอวดโฉมให้ได้ชื่นชมกัน หากมีเวลาว่างอยากให้ลองศึกษาวิถีชีวิตของชาวมอแกนที่ประกอบอาชีพประมง และที่น่าสนใจคือในปัจจุบันผู้ชายชาวมอแกนยังคงลงดำน้ำเพื่อจับกุ้งมังกรด้วยมือเปล่าตามวิถีแบบดั้งเดิม นับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาแบบดั้งเดิมที่น่าสนใจมากต่อการได้เรียนรู้ของนักท่องเที่ยว ขากลับอย่าลืมแวะเที่ยวชมโบสถ์กลางทะเลของวัดเกาะพยาม เพื่อไหว้องค์พระยืนปางลีลาหันหน้าออกทะเลเพื่อให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัยด้วย

ภายหลังจากเที่ยวทะเลแล้วระนองก็มีน้ำตกหงาว ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวซึ่งน้ำตกหงาวยืนเด่นตะหง่านรอรับนักท่องเที่ยวให้เห็นสายน้ำสีขาวไหลลงจากหน้าผาสูง ยิ่งถ้าในฤดูฝนจะเห็นสายน้ำไหลมากขึ้นทำให้ธารน้ำตกสวยงามมากขึ้นเมื่อเห็นมาจากที่ไกล ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าไปใกล้ตัวน้ำตกมากก็สามารถชื่นชมความงามของน้ำตกได้ ในช่วงฤดูแล้งสามารถเดินพิชิตยอดเขาขึ้นไปภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว จะพบกับทิวทัศน์สวยงามทั้งภูเขาหญ้าและท้องทะเลไกลของประเทศเมียนมาได้อีกด้วย

กองทัพต้องเดินด้วยท้องเป็นคำที่ใช้เวลาที่เริ่มรู้สึกหิว ตลาดเย็นหรือจะเรียกว่าสตรีทฟู้ดของเมืองระนองเป็นอีกสถานที่แห่งหนึ่งที่สมควรแวะฝากท้องอย่างยิ่ง ที่สำคัญราคาของอาหารที่นี่ถูกอย่างน่าเหลือเชื่อ เช่นขนมจีนน้ำยาปูเนื้อแน่นน้ำยาในแบบฉบับปักษ์ใต้ในราคาเพียง 25 บาท  นอกจากนี้ผู้ที่ชื่นชอบอาหารทะเลต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะมีอาหารทะเลสด ๆ ย่างกันในราคามิตรภาพ ในส่วนของขนมก็มีทั้งขนมหวานทั่วไปของทั้งภาคกลางและภาคใต้ นอกจากนี้ผลไม้ระนองเช่นทุเรียน ก็รสชาติดีแถมราคาถูกอีกด้วย ผู้ชื่นชอบทุเรียนต้องถูกใจเป็นอย่างแน่แท้

สุดท้ายนี้เมืองระนองที่เป็นเมืองรองต้องห้ามพลาดนั้นได้ค่อย ๆ ขยับตัวอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักกันมากขึ้น การเดินทางก็สะดวกสบายเนื่องจากมีสายการบินให้บริการทุกวัน สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลก็สะดวกสบายไม่แพ้กันสามารถขับมาเรื่อย ๆ แวะพักค้างคืนที่เพชรบุรี หรือหัวหินสักคืนก่อนเดินทางมาถึงก็เป็นอีกทริป
หนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก

ฮัลล์สตัทท์ ทอดน่องชมเมืองและเหมืองเกลือ

เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก คงไม่ใช่การให้ค่าเมืองนี้มากเกินไป หากใครได้สัมผัสด้วยตาของตัวเอง เมืองฮัลล์สตัทท์ เมืองคุ้นตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมืองเล็ก ๆ และเงียบสงบอันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมือง ที่เมื่อนักท่องเที่ยวเดินลัดเลาะเลียบตามทางเรื่อย ๆ จะค่อย ๆ สงบคำพูดและใช้สายตาเพ่งมองทิวทัศน์ บ้านเรือนมากกว่าเปล่งเสียง เพื่อรับอาหารตาให้ไปสู่ความอิ่มใจ ที่สำคัญเมืองนี้สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ละฤดูก็ทำให้ความสวยงามเปลี่ยนไปตามฤดูนั้น ๆ และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการเข้าชมเมืองไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการเข้าชมทั้งสิ้น

การเดินทางท่องเที่ยวเมืองนี้มักจะใช้เวลาไม่นาน บางคนใช้เวลาเพียงวันเดียว บางครั้งถ้าทำเวลาให้เหมือนเป็นเมืองผ่านจะใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงก็สามารถเดินจนครบเมืองได้ หากมีเวลาและอยากเก็บภาพประทับใจแนะนำให้เดินไปที่จุดชมวิวบนภูเขาเกลือ (Salzberg) ซึ่งเป็นอีกจุดที่จะทำให้เห็นหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง และภาพของหมู่บ้านสะท้อนในน้ำเหมือนภาพวาดจากศิลปินธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวที่มีเวลามักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงเวลาที่สวยที่สุดของการอยู่ในเมืองนี้ ได้แก่ ช่วงเช้าที่ได้จิบกาแฟยามเช้าพร้อมกับชมวิวสวยที่ต้องเห็นด้วยตาตนเองไม่ใช่การมองผ่านกล้อง และช่วงกลางคืนที่จุดเทียนจิบไวน์กับบรรยากาศแสนโรแมนติก

สิ่งหนึ่งที่เป็นสถานที่สำคัญของเมืองได้แก่ เหมืองเกลือ โดยต้องเดินทางและเปลี่ยนชุดให้เหมือนเป็นคนงานเหมือง เดินตามทางไปเรื่อย ๆ โดยมีการบรรยายประกอบให้เห็นภาพเกลือที่โปร่งแสง วิวัฒนาการของเหมืองเกลือ นอกจากนี้ยังมีสไลด์เดอร์ให้ได้เล่นสนุกอีกด้วย ขากลับทางออกจากถ้ำจะให้นั่งรถรางขนส่งเกลือออกไป นับได้ว่าได้ความรู้เรื่องเหมืองเกลือและได้ความสนุกในการชมพิพิธภัณฑ์ในแต่ละห้องด้วย และอย่าลืมซื้อเกลือเป็นของฝากเวลาให้ผู้รับอีก ทั้งอย่าลืมกล่าวคำแบบไทยที่ว่าจงรักษาความดีให้เหมือนเกลือที่รักษาความเค็มด้วยจะทำให้ของฝากมีคุณค่ามากขึ้น

หลังจากเที่ยวชมเหมืองเกลือแล้วหากมีเวลาควรค่าอย่างยิ่งกับการทอดน่องชมเมืองอีกรอบอย่างไม่เร่งรีบ นั่งพักตั้งสติคิดใคร่ครวญชีวิตในโบสถ์กลางเมือง โบสถ์ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt Lutheran Church) โบสถ์ยอดแหลมแบบโกธิก (Gothic) ที่มียอดแหลมสูงตะหง่านเป็นจุดเด่นให้กับเมือง และสิ่งที่แปลกอีกหนึ่งอย่างได้แก่ในเมืองแห่งนี้มีโบสถ์ของทั้งสองนิกาย (โปรเตสแตนท์และคาธอลิก) อยู่ข้างกัน

สำหรับการเดินทางมายังเมืองนี้สามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถยนต์ ทางรถไฟแล้วต่อเรือ โดยการเดินทางแต่ละแบบก็จะได้บรรยากาศต่าง ๆ กัน แล้วแต่ความสะดวกและเวลาที่มีให้กับเมืองนี้ของนักท่องเที่ยวแต่ละคนที่จะอำนวย

อุทัยธานีเมืองหุบเขาและสายน้ำ

หากจะกล่าวถึงจังหวัดเล็ก ๆ แสนอบอุ่น ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกบรรยากาศ สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเช้าแล้วกลับพลบค่ำได้ จังหวัด “อุทัยธานี” เป็นหนึ่งในคำตอบของนักท่องเที่ยวแน่นอน เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมการตักบาตรเทโว หรือเรียกว่าการตักบาตรเทโวโรหณะ ซึ่งกระทำกันในวันออกพรรษาทุกปีและเป็นหนึ่งในประเพณียิ่งใหญ่ของพุทธศาสนิกชน ณ วัดสังกัสรัตนคีรี วัดเก่าแก่บนยอดเขาสะแกกรัง ซึ่งบนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์พระพุทธรูปปางมารวิชัย อันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองอุทัยธานี

ถัดจากยอดเขาสะแกกรังมุ่งลงสู่แม่น้ำสะแกกรัง จะเห็นบ้านเรือนแพริมน้ำทอดตัวยาวแสดงถึงวิถีชุมชนกับสายน้ำ หากสังเกตตัวบ้านเรือนแพจะเห็นหลังคา 2 ทรง คือ ทรงจั่วและทรงปั้นหยา อันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านไทยในภาคกลาง บางครั้งจะเห็นบ้านเรือนแพทาสีม่วงโดดเด่นแปลกตา ซึ่งสีม่วงถือได้ว่าเป็นสีมงคลของชาวเมืองอุทัยฯ ปัจจุบันเราสามารถล่องเรือเพื่อชมบ้านเรือนแพได้โดยตลอดวัน เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของชุมชน การทำประมง และที่สำคัญการได้ลองชิมปลาแม่น้ำของจังหวัดอุทัยธานี เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยว

สถานที่ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานีได้แก่ วัดจันทาราม หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่าวัดท่าซุงนั้นเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องเดินทางมานมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระเถระที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะลูกแก้วสารพัดนึก หรือลูกแก้วมณีรัตนะอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ผู้ที่นิยมชมชอบของขลังต้องหาติดตัว เพื่อบูชาขอในสิ่งที่ตนปรารถนา แล้วต้องเดินทางมาเช่าบูชาที่วัดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีวิหารแก้ว 100 เมตรที่ประดับแก้วแวววาวภายในสวยงามอย่างยิ่ง รวมถึงปราสาททองคำ หรือปราสาททองกาญจนาภิเษกก็สวยงามควรค่าแก่การมาท่องเที่ยวสักครั้งหนึ่งในชีวิต

หลังจากไหว้พระ ล่องเรือ อุทัยธานียังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ย้อนยุคไปถึงยุคดึกดำบรรพ์ ได้แก่ “หุบป่าตาด” สถานที่ลึกลับซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา สิ่งที่ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ได้รับความนิยมเพราะหากเราเดินเข้าถ้ำในโพรงมืดจากปากถ้ำเข้าไปเรื่อย ๆ จะเห็นแสงสว่างรำไร และเมื่อเดินทะลุลอดเข้ามาจะพบกับห้องโถงพร้อมต้นไม้ใหญ่เขียวราวกับอยู่ในภาพยนตร์จูราสิคพาร์ค นอกจากนี้ยังมีพันธ์ไม้โบราณตั้งแต่ยุคอดีตที่ยังคงอยู่ให้ได้ชื่นชม และถ้าหากโชคดีอาจจะได้เห็นกิ้งกือมังกรสีชมพู สัตว์หายากที่มีเพียงในหุบป่าตาดแห่งเดียวในประเทศไทย

อุทัยธานีเมืองเล็กที่ในอดีตเป็นเพียงเมืองรอง หรือเมืองผ่าน แต่ในปัจจุบันได้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ มากมายที่ยังคงความน่ารัก อบอุ่นของชาวเมือง หากมีเวลาเดินเล่นที่ตลาดเช้าเพื่อชมความงามของตึกอาคารบ้านเรือนที่ พร้อมใจกันทาสีม่วง ทักทายพ่อค้าแม่ค้า หรือหาอาหารเช้าแบบครัวภาคกลางรับประทาน ตกบ่ายลองทานของดีของเมืองอุทัยธานี ได้แก่ ขนมปังสังขยาที่แป้งนุ่มสังขยาแน่น กับกาแฟโบราณดี ๆ สักแก้ว และถ้าหากหาซื้อของฝากญาติผู้ใหญ่ ยาลม ยาหอมของเมืองนี้ก็เป็นที่นิยมนัก

“โอกินาวา” สัมผัสวัฒนธรรมริวกิว ชมถ้ำหินงอกหินย้อย ชิมอาหารทะเลสด

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นนั้นปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวในด่านสำคัญคือการไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ทำให้การเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจับต้องได้ง่ายกว่าเดิมมาก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตน อาหารที่อร่อยและเริ่มคุ้นชินกับคนไทยตามการเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทยมากขึ้น เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และเป็นแหล่งรวมสินค้าเพื่อการช้อปปิ้งที่สนุกแห่งหนึ่งของโลก

                “โอกินาวา” เมืองชายหาดและเป็นประตูทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ที่ตั้งของอาณาจักรริวกิวในอดีต มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย การเดินทางสะดวกหากทำใบขับขี่สากลจากประเทศไทยไปเพื่อเช่ารถขับเองจะสนุกไม่น้อย ขับง่ายเพราะคนญี่ปุ่นรักษากฎจราจรเป็นอย่างดี สำหรับการเดินทางเริ่มจากการชมมรดกโลกของเมืองโอกินาวา อันประกอบไปด้วย ปราสาทต่าง ๆ เช่น ปราสาทชูริ ปราสาทนะคะกุสุคุ ประสาทคะซึเร็น ประสาทซาคามิ และประสาทนาคิจิน

                “ Okinawa Churaumi Aquarium” อควาเรียมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก เพื่อชมฉลามวาฬยักษ์ที่ว่ายเวียนใน
อควาเรียมขนาดใหญ่เสมือนเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิตจริงแสดงให้ดู นอกจากนี้ในส่วนต่าง ๆ ยังให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตตัวเป็น ๆ ในโซน Touch Pool ที่ให้สัมผัสได้ทั้งปลาดาว และปลิงทะเล อควาเรียมที่นี่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาเรียนรู้ทรัพยากรทางทะเลที่ทั้งได้ความรู้และสนุกสนานไปด้วย

                “Gyokusendo” ถ้ำหินปูนอายุกว่าสามแสนปี ภาพแรกที่พบคือถ้ำอลังการและสวยงามมาก สามารถเดินเข้าไปได้ง่ายไม่เหนื่อยมาก เนื่องจากมีสะพานเหล็กราบไม่ชันมากตลอดเส้นทาง ระหว่างทางเดินจะพบกับหินงอกหินย้อยประดับไฟตกแต่งสวยงามทั้งตัวหินงอกหินย้อยและลำธารเล็ก ๆ ภายในถ้ำ หลังจากออกนอกถ้ำมีการจำลองวิถีชีวิตของชาวริวกิวให้นักท่องเที่ยวได้ชม มีพิพิธภัณฑ์งูฮาบุซึ่งเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงของโอกินาว่า การเดินเที่ยวชมทางสถานที่ได้จัดให้เดินตามเส้นทางได้สะดวก และเก็บบรรยากาศได้อย่างครบถ้วน

            หากจะกล่าวถึงอาหารของโอกินาวานั้นอาหารทะเลนับได้ว่าเป็นทีเด็ดของเกาะแห่งนี้ ที่ตลาด Makishi จะพบกับร้านขายอาหารทะเลสด ๆ ปรุงกันสด ๆ ให้ได้ชิมกันในชั้นบนของตลาด สามารถเลือกชิมตามเมนู อาหารทะเลของที่นี่โดยเฉพาะปลาสดหรือซาชิมิ ได้กลิ่นของทะเลในเนื้อปลากันเลยทีเดียว นอกจากนี้สินค้าที่เป็นของฝากยอดนิยมของโอกินาวาได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากมันม่วงโอกินาวาที่แปรรูปเป็นขนมหลากหลาย บรรจุภัณฑ์สวยงามและน่าหยิบจับไปเป็นของฝาก และแม้กระแสมันม่วงในประเทศไทยจะเป็นที่นิยมและหาทานได้ง่ายมากขึ้นแต่การได้มาลองทานในสถานที่ต้นกำเนิดเป็นอะไรที่คุ้มค่าน่าลองมาก

กัวลาลัมเปอร์ เที่ยวเพลินเผลอหลงรัก

“กัวลาลัมเปอร์” เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย เมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้วัฒนธรรมต่าง ๆ นั้นพยายามแสดงออกมาเป็นเอกลักษณ์แต่ผสานกันอย่างลงตัว ทั้งอาหารการกิน สถาปัตยกรรม ที่เป็นทั้งแบบดั้งเดิมและแบบฟิวชั่น เกิดเป็นเสน่ห์ใหม่ที่น่าค้นหาและน่าท่องเที่ยว

                การเช่ารถขับในเมืองกัวลาลัมเปอร์สามารถทำได้หากเรามีใบขับขี่สากล เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ขับรถเองได้ง่าย หาที่จอดรถได้ตามจุดต่าง ๆ ที่สำคัญน้ำมันราคาถูกมาก ทำให้ประหยัดค่าเดินทางได้ดี หรือหากใครไม่สะดวกเช่ารถขับก็สามารถเดินทางโดยสารผ่านการขนส่งสาธารณะก็สะดวกที่จะไปยังจุดที่เป็นจุดสำคัญทางการท่องเที่ยวของกัวลาลัมเปอร์ ทั้งรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมเส้นทาง รถแท็กซี่ หรือรถประจำทาง

                “ถ้ำบาตู” อยู่ห่างจากนอกเมืองมาอีกนิดสามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงได้ ถ้ำนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือศาสนาฮินดู ด้านหน้าถ้ำมีรูปปั้นพระขันธกุมารองค์ใหญ่โดดเด่นเป็นตระหง่าน และนักท่องเที่ยวสามารถออกกำลังกายเพื่อบริหารเส้นเลือดให้หัวใจสูบฉีดได้ด้วยการเดินขึ้นไปเข้าถ้ำด้วยขั้นบันได 272 ขั้น จะพบกับเหล่าองค์เทพต่าง ๆ ที่ชาวฮินดูนับถือ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือบรรดาลิงทั้งหลายที่อาจจะเข้ามาทักทายหยิบจับสิ่งของของท่านไปเล่นได้

                “ปุตราจายา” เมืองใหม่ที่เป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศที่มีทั้งความทันสมัยและความสวยงามของสถาปัตยกรรมของมัสยิดสีชมพูที่โดดเด่นเมื่อเดินผ่านเข้าไปตรงประตูจะต้องตะลึงกับความสวยงามแน่นอน นอกจากนี้ในเมืองนี้ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งเช่นการปีนหน้าผาจำลอง ลานเล่นสเก็ตบอร์ด เส้นทางปั่นจักรยานเสือภูเขา หรือการพายเรือคายัค เรือแคนนู หรือเรือถีบ ได้ด้วย และหากใครชื่นชอบธรรมชาติสามารถเดินเล่นชมสวน Taman Botani สวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย เพื่อศึกษาพืชพันธุ์ต่าง ๆ จากทั่วโลกได้ด้วย ครบทุกกิจกรรมในสถานที่เดียว

                “ตึกเปโตรนัส” หรือคนไทยเรียกติดปากกันว่าตึกแฝด สามารถถ่ายรูปคู่กับตึกนี้ได้ทั้งในเวลากลางวัน และเวลากลางคืนก็สวยงามไม่แพ้กัน เราสามารถใช้เวลาบริเวณตึกนี้ได้ทั้งวันเริ่มจากการถ่ายรูปคู่กับตึกและเข้าไปจับจ่ายใช้สอยของภายในบริเวณห้าง รวมถึงรับประทานอาหารกลางวัน หลังจากนั้นสามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นชมวิว 360 องศาของเมืองกัวลาลัมเปอร์ และลงมาชมแสงสีเสียงของน้ำพุบริเวณด้านล่าง หรือใครชอบทานอาหารออกไปเดินสูดอากาศและหาร้านคาเฟ่สวย ๆ เพื่อชมวิวของตึกแฝดก็เป็นความคิดที่ดีอยู่ไม่น้อย

                นอกจากสถานที่เที่ยวข้างต้นที่เป็นเสมือนแหล่งท่องเที่ยวหลัก “กัวลาลัมเปอร์” ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เช่น การเดินหาของทานเล่นในไชน่าทาวน์ ลิตเติ้ลอินเดีย ชมวัดเทียนฮัวของชาวจีน เดินซื้อของฝากที่ตลาดกลาง ชมอาคารสุลต่านอับดุลซาหมัด (Sultan Abdul Samad Building) และ ชมความงามของสุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เป็นต้น

เมื่อเที่ยวฟิลิปปินส์แล้วจะไม่อยากลามะนิลา

“ฟิลิปปินส์” ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยนัก ด้วยวัฒนธรรม ศาสนาที่แตกต่าง และออกในแนวจะเป็นยุโรปมากกว่าประเทศพุทธหรืออิสลาม เพื่อนบ้านที่คุ้นเคย ผู้คนส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์นับถือศาสนาคริสต์ ดังนั้นเราจะพบโบสถ์เก่าแก่ ตามแบบสถาปัตยกรรมของสเปนซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมมาอย่างยาวนาน

                “มหาวิหารแห่งมะนิลา” สถานที่แห่งแรกที่อยากให้ไปเยือนเพราะเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา เราะจะพบนักท่องเที่ยวมากมายรวมถึงชาวคริสต์ของเมืองมะนิลาแวะเวียนกันมาเสมอ นอกจากนี้หากเกิดอาการเมื่อยขาอยากนั่งรถชมเมืองก็มีรถม้าบริการนักท่องเที่ยวให้นั่งชมวิวเมืองสบาย ๆ หรือจะลองนั่งรถที่เป็นสัญลักษณ์ของมะนิลา “รถจิ๊ปนี่” ซึ่งเป็นรถประจำทางที่ตกแต่งสีสันสดใสในสไตล์แตกต่างกัน ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการนั่งรถชมรอบเมือง

                “นาขั้นบันไดบานาเว” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรไปชมอย่างมาก บางคนอาจจะเห็นว่านาขั้นบันไดที่ซาปา ประเทศเวียดนามก็มีไม่ต้องบินไปไกลถึงฟิลิปปินส์ อยากให้ลองคิดทบทวนดูใหม่ เพราะนาขั้นบันไดที่นี่ได้รับการยอมรับจากองค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ลำดับที่ 8 ของโลก นาขั้นบันไดบานาเวเป็นร่องรอยทางวัฒนธรรมชนเผ่า Ifugao เมื่อสองพันปีก่อน เป็นวิธีการทำเกษตรกรรมที่ฉลาดมากสำหรับในยุคนั้นซึ่งปัจจุบันชาวนาท้องถิ่นยังคงทำนาข้าวในขั้นบันไดนี้กันอยู่ และหากใครอยากสัมผัสวัฒนธรรมพื้นเมืองสามารถนอนพักรีสอร์ทที่นาขั้นบันไดนี้ได้ด้วย และอยากให้ลองชิมซอสที่ทำจากกล้วยที่นำมาใช้แทนซอสมะเขือเทศที่เราทานกันรสชาติแปลกใหม่แต่ไปในทางที่ดี

                “Pagsanjan fall” น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงมะนิลาประมาณ 90 กิโลเมตร การเดินทางเข้าไปน้ำตกต้องไปทางเรือโดยคนพายเรือจะค่อย ๆ พายเรือไปในแม่น้ำเมื่อถึงเกาะแก่งต่าง ๆ ที่น้ำตื้นเขินคนพายเรือจะทั้งดันทั้งลากรวมถึงแบกเรือที่ให้เรานั่ง เพื่อไปสู่จุดหมายคือน้ำตก เป็นการท่องเที่ยวที่ได้รับประสบการณ์ใหม่มากเพราะเราจะไม่ทันตั้งตัว คนพายเรือก็แบกเราให้ข้ามหินก้อนนี้ไปยังก้อนนั้นเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร นับได้ว่าต้องมีความแข็งแรงและคุ้นชินเส้นทางเป็นอย่างดี หลังจากนั้นคนเรือจะรอเราและให้เราเดินเข้าไปยังน้ำตกซึ่งน้ำไหลแรงมากและจะมีแพให้เราฝ่ากระแสน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าถ้ำเพื่อเข้าไปภายในถ้ำ สิ่งที่ตื่นเต้นคือเมื่อแพอยู่ตรงกลางน้ำตกที่ไหลเทลงมาตัวของเราจะจมลงไปในน้ำครึ่งตัวก่อนที่จะโผล่ขึ้นมาอีกทีเมื่อเราเข้ามาอยู่ภายในถ้ำแล้ว การเดินทางครั้งนี้ถือว่าได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ของการท่องเที่ยวต่างแดน

          เมื่ออ่านมาถึงย่อหน้าสุดท้ายแล้วคงจะคิดเหมือนกันว่า กรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์เพื่อนบ้านของไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายซึ่งยังไม่นับรวมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์เช่นการกระโดดหน้าผาที่น้ำตก Kawasan หรือดำน้ำเพื่อถ่ายรูปกับฉลามวาฬที่เกาะ Cebu เป็นต้น

“อิโปห์ (IPOH)” ศิลปะข้างถนนที่ต้องค้นหา

การเดินทางครั้งใหม่เกิดขึ้นได้เสมอเพียงลบคำว่า “ไม่มีเวลา” ออกไปจากพจนานุกรมส่วนตัว การได้เจอเพื่อนใหม่ การได้รับไมตรีจากคนแปลกหน้าเวลาหลงทางและขอความช่วยเหลือโดยการถามทางเป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อย อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เฉกเช่นงานศิลปะ บางคนมองว่าสวย บางคนมองต่างออกไป ทั้งศิลปะขึ้นห้าง หรือศิลปะขึ้นหิ้ง ไม่เว้นแม้แต่ศิลปะข้างถนนตามกำแพงบ้านเรือน ตามตัวตึกรามบ้านช่อง ซอกซอยที่กำลังเป็นที่นิยมกันไม่น้อยในหมู่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเรา

                “อิโปห์” เมืองเล็ก ๆ ของประเทศมาเลเซีย ขนาดเล็กแต่อบอุ่น ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เพียง 200 กิโลเมตร สามารถเดินทางด้วยรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง หรือเช่ารถขับก็ใช้เวลาไม่นาน ระหว่างทางอาจแวะเที่ยวเก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highland) นอนพักท่ามกลางอากาศเย็นตื่นมาพร้อมกับสัมผัสสายหมอกในห้องนอน แล้วค่อยออกเดินทางต่อไปยังเมืองอิโปห์ก็ไม่ติดขัดอะไร หรือจะแวะออกนอกเส้นทางไปอีกหน่อยเพื่อแวะชิมชาที่ คาเมรอนไฮแลนด์ (Cameron Highland) ก็เป็นอีกเส้นทางการท่องเที่ยวหนึ่งที่น่าสนใจ

                “อิโปห์ (IPOH)” ศิลปะข้างถนนที่ต้องค้นหา ตามชื่อนั้นเป็นเรื่องจริงที่ตัวงานศิลปะตามถนนนั้นจะหลบซ่อนให้นักท่องเที่ยวต้องค้นหาจะด้วยการเดินหรือการขับรถไปตามจุดต่าง ๆ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น บางคนหาตามเส้นทางใน google map ไม่เจอไม่ต้องกลัวเพียงยื่นรูปให้ชาวเมืองอิโปห์ดูเจ้าบ้านก็พร้อมใจจะให้คำตอบหรือไม่ก็พาเดินไปยังภาพเหล่านั้นได้ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดนอกจากชมศิลปะตามตึกแล้วลองแวะชิมกาแฟที่เป็นสาขาต้นกำเนิดของกาแฟร้าน “Old Town White Coffee” กาแฟสัญชาติมาเลเซียอันโด่งดัง หอม หวาน และมัน อร่อยจนต้องกินทุกวันตลอดการเดินทาง

                หลังจากเดินค้นหาภาพวาดจนทั่วเมืองตามคำกล่าวที่ว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” ตระเวนหาของกินในตัวเมืองอิโปห์ ข้าวมันไก่ชื่อดัง ที่ไม่ต้องกลัวสับสนเพราะมี 2 ร้านเปิดประชันความอร่อยกัน หากเดินไปอีกนิดสังเกตร้านที่มีคนต่อคิวกันแถวยาวคือร้านขายหมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง ผัดผัก และอาหารในสไตล์จีน ร้านนี้อร่อยของจริง ตบท้ายตามสไตล์คาวหวาน เดินไปเรื่อย ๆ จะพบกับร้านน้ำเต้าหู้และเฉาก๊วยที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา ซึ่งร้านดังกล่าวหาไม่ยากดูจากปริมาณคนต่อคิวรอความอร่อยกันได้เลย

                ปิดท้ายเมืองอิโปห์ด้วยตลาดกลางคืน ที่จะพบทั้งของพื้นเมืองและของสากลทั่วไปที่เรียงรายกันมาขายจากพ่อค้าแม่ค้าท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเจลแต่งผมท่านชายสไตล์วินเทจในราคาย่อมเยา ขนมเปี๊ยะสูตรเด็ด ชาดอกไม้ น้ำมะนาวผงสำเร็จรูป หรือของฝากพื้นเมืองก็มีให้เลือกสรรมากมาย เคล็ดลับเล็ก ๆ ถ้าหากมีโอกาสค้างคืนเมืองเก่านี้ให้เลือกห้องนอนในชั้นสูงหน่อยจะเห็นวิวเมืองในยามค่ำคืนผ่านตัวเมืองเก่าและวิวภูเขาสวยงามในยามเช้าที่ตื่นขึ้นมาต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน

สระบุรี อาหารอร่อยดี ที่ไม่ใช่แค่เมืองผ่าน

ปัจจุบันการท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ นอกจากชมความงดงามของสถานที่นั้น สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปจากเดิม การได้ลิ้มลองอาหารต่างถิ่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แยกกันไม่ออกจากการท่องเที่ยวเลย หากถามหาอาหารพื้นเมือง หรืออาหารที่ชาวบ้านชุมชนนั้นกินอยู่กันเป็นอย่างไร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมุ่งหน้าเข้าไปตระเวนหาในตลาดสดหรือบริเวณโดยรอบตลาดนั้น ๆ เพื่อค้นหา ทดลองและบอกต่อ

                เมืองสระบุรีที่ไม่ได้มีดีที่กะหรี่ปั๊บเพียงอย่างเดียว ยังมีอาหารทั้งคาวหวานให้ได้ค้นหากัน สำหรับคนต่างถิ่น เมืองนี้อาจเป็นเพียงเมืองผ่านเพื่อมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือไปยังลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียง แต่เมื่อลองเข้ามาค้นหาก็ค้นพบอาหารหลากหลายในตลาดเก่าแห่งนี้ อาหารที่แนะนำให้คนต่างที่ต่างถิ่นมาทดลองชิมกัน ได้แก่ ข้าวมันไก่ยามเช้าร้านรสนิยม ข้าวหอม ไก่นุ่ม น้ำจิ้มรสดี และน้ำซุปกลิ่นบ๊วยจาง ๆ เอาชนะใจนักชิมได้ง่าย ต่อมา “ร้านแดงราดหน้า” มีไฮไลท์ที่เกี๊ยวกรอบราดหน้าที่ไส้ของเกี๊ยวเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้านที่ไม่เหมือนใคร ที่สามารถนำมาประยุกต์ได้ในทุกเมนูราดหน้าในการนำไปผสมกับเส้นต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ของหวานในตลาดเมืองสระบุรีมีไอศครีมกะทิแบบโบราณให้เลือกทานในราคาแบบมิตรภาพ นอกจากนี้อย่าลืมลองหาบราวนี่ในตำนานของสระบุรีเพื่อปิดท้ายหรือซื้อเป็นของฝากด้วยยิ่งดี

                ห่างจากตัวเมืองสระบุรีเพียงเล็กน้อยไม่เกิน 10 นาทีจะเข้าสู่อำเภอเสาไห้ แวะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่อำเภอได้แก่ เสาไม้ตะเคียนทอง ที่วัดสูง เพื่อไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าแม่นางตะเคียน หลังจากนั้นแวะชมหอวัฒนธรรมไทยวน ศึกษาวิถีชีวิตชุมชน ภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวไทยวน เมื่อท่องเที่ยวชื่นชมวัฒนธรรมเรียบร้อยได้เวลาเสาะหาของรับประทานในตลาดเก่าของอำเภอเสาไห้ ที่ใครไม่มาทานถือว่ายังมาไม่ถึงเสาไห้ เริ่มจาก ร้านเกี๊ยวกรอบ 100 ปี หรือชื่อจริงของร้านคือ ร้าน ส.พาณิชย์ ที่ตัวแป้งของเกี๊ยวกรอบร้านนี้หาไม่ได้ที่ไหนในเมืองไทย และสูตรนี้ก็เป็นความลับที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ตัวแป้งเกี๊ยวเรียกได้ว่า ละลายในปากได้เลย นอกจากนี้เกี๊ยวกรอบยังสามารถนำมารังสรรค์ใหม่เป็นเกี๊ยวกรอบผัดไทย ราดหน้า และราดด้วยผัดกะเพรา ก็น่าลิ้มลอง ในตลาดเก่ายังมีร้านขนมหวาน และหมูสะเต๊ะให้ได้ทดลองชิมและซื้อเป็นของฝากกันอีกด้วย

                โดยสรุปนับได้ว่าการเดินทางไปจังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพเพื่อท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเสาะหาอาหารอร่อยนั้นเป็นความสุขง่าย ๆ ในวันหยุด การเปิดมุมมองใหม่ ๆ กับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ อาจทำให้ใครหลายคนได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ เช่นเดียวกับเมืองสระบุรี และอำเภอเสาไห้ ที่ยังคงมีเสน่ห์ให้ค้นหาและไม่เป็นเพียงเมืองผ่านที่แค่โบกมือทักทายกันแล้วจากไป 

“ดานัง – ฮอยอัน” ฉันไม่รักไม่ได้แล้ว

หากมีเวลาไม่มาก เพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับการเดินทางเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง สังสรรค์เพื่อนเก่า เคล้ากับการหาเพื่อนใหม่ ๆ อีกทั้งการเดินทางไปยังประเทศเวียดนามก็สะดวกสบาย นั่งเครื่องบินราคาประหยัด ประหยัดทั้งเงินทั้งเวลา แต่สิ่งที่ได้รับคือพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมเพื่อกลับมาต่อสู้กับการทำงานกันต่อ

                เมืองดานัง เมืองท่าสำคัญของเวียดนามตอนกลาง ติดทะเลจึงเป็นเมืองชายหาดที่สำคัญที่ทั้งนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม หรือนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนิยมมาพักผ่อนตากอากาศกัน ชายหาดที่ยาวสุดลูกหูลูกตา คลื่นลมที่พัดแรง ทรายที่นุ่มเท้า น้ำทะเลสีครามนับได้ว่าเป็นสวรรค์หนึ่งของนักเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองดานัง นอกจากทะเล ยังมีภูเขาหินอ่อน 5 ลูกตั้งตระหง่านเพื่อรอให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสัมผัสวิวที่สวยงามของเมือง สำหรับการไหว้พระขอพรมีวัดลินห์อึ๋ง (Linh Ung Temple) อันเป็นสถานที่สักการะเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ ซึ่งชาวดานังให้การเคารพนับถือกันมาก ถัดจากนั้นยามเย็นอย่าลืมไปเดินเล่นริมสะพานมังกร รับลมริมแม่น้ำ เดินสวนไปมากับหนุ่มสาวชาวดานัง และพร้อมรับชมการแสดงแสงสีจากมังกรที่พาดตัวกลางสะพาน ในทุกค่ำคืนของวันเสาร์ ก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย

                ตื่นเช้าอีกวันต้องเสียสละเวลาทั้งวันตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงพลบค่ำเพื่อขึ้นกระเช้าที่มีความยาวที่สุดในโลกเพื่อขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศเย็นตลอดทั้งปีที่ “บานาฮิลล์ (Bana hills)” ที่มีทั้งสวนสุนกสำหรับเด็ก ๆ ซุ้มอาหารนานาชาติ และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สถานที่แห่งนี้มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งยุโรปแบบฝรั่งเศส และศิลปะแบบจีน เวียดนาม ถ้ามีเวลาสามารถพักค้างคืนพร้อมกับชมการแสดงและอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษได้จุใจในสไตล์บุฟเฟต์ หากไม่มีเวลาก็ลงมาพักพร้อมกับหาอาหารทะเลริมชายหาดทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาสด ๆ ราคาย่อมเยา

                “ฮอยอัน” ห่างจากตัวเมืองดานังไม่มากนั่งรถยนต์ประมาณครึ่งชั่วโมงไปตามชายหาด หลับได้ไม่ลึกก็ถึงตัวเมืองแล้ว ตัวเมืองโบราณสีเหลืองบริเวณกว้างใหญ่สามารถเดินได้ถ้ามีเวลาและไม่กลัวร้อนในเวลากลางวัน อีกช่องทางหนึ่งคือการเช่าจักรยานเพื่อความรวดเร็วในการเก็บสถานที่สำคัญ ๆ ให้หมดเช่น สะพานญี่ปุ่น บ้านโบราณ พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ แต่ถ้าใครมีเวลาการค้างคืนสัก 1 คืนก็ดีไม่น้อยเพราะมีตลาดกลางคืน ที่พ่อค้าแม่ค้าชาวฮอยอันพร้อมใจกันออกมาค้าขายและอวดสินค้าพื้นเมือง อวดโคมไฟสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งให้นักท่องเที่ยวเดินทอดน่องกันสบายใจ อีกทั้งช่วงกลางคืนสามารถเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวบางสถานที่ฟรีด้วย เมื่อถึงฮอยอันสิ่งที่ไม่ควรพลาดได้แก่การไปล่องเรือกระด้ง (basket boat) สุดตื่นเต้นเร้าใจ และลิ้มลองอาหารในเมืองเก่าได้แก่ ข้าวมันไก่ หมูย่าง และน้ำดอกบัว รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

                สุดท้ายหวังว่าหากพอมีเวลาให้ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ กับตัวเองหรือใช้เวลาว่างกับคนที่รัก เพื่อนฝูง ครอบครัว ลองออกเดินทางหาประสบการณ์แปลกใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสานความสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องที่ดีต่อใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“ท่าอิฐ” แหล่งรวมที่เที่ยว ไหว้พระ หาของกินใกล้กรุง

หากอยู่กรุงเทพฯ หรือปริมณฑลแต่ไม่อยากเดินทางไกล หรือฝ่าฟันการจราจรที่คับคั่งในวันหยุดพักผ่อนให้เสียอารมณ์ การเที่ยวในสถานที่ใกล้ ๆ ไม่ต้องขับรถ แต่ใช้บริการขนส่งสาธารณะที่สะดวกในการเดินทาง “ท่าอิฐ” ตำบลเล็ก ๆ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีที่หลายคนรู้จักกันดี และอาจจะเที่ยว ชิม ช้อป แชะ จนชินแล้ว ลองเปิดใจเดินทางมา
“ท่าอิฐ” สักครั้งในวันหยุดก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สามารถทำกิจกรรมหลากหลาย ได้ทั้งครอบครัว

                “ท่าอิฐ” จากปากทางจนถึงสุดซอยจะพบความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งตัวตึกรามบ้านช่อง ร้านค้า อาคารพาณิชย์ ตลาดสด ตลาดนัด เรียงรายเข้าแถวจากต้นซอยจนถึงท้ายซอยติดแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันธรรมดาหากใครเรียกรถแท็กซี่เพื่อเข้ามาส่งในซอยนี้ ถ้าหากเลี่ยงได้คนขับก็อยากออกปากปฏิเสธผู้โดยสาร ด้วยระยะหลังบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยที่ขยายจากความเป็นเมืองมาเรื่อย ๆ ทำให้หมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นจำนวนมาก การสัญจรเดินทางเลยติดขัดไม่สะดวก

                หากไม่นับรวมปัญหาการจราจรติดขัด “ท่าอิฐ” มีของดีแอบซ่อนมากมาย เช่น เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมทั้งพุทธและอิสลาม ท่าอิฐมีวัดที่รองรับนักท่องเที่ยวชาวพุทธสายบุญอยู่หลายวัด เช่น 1) วัดบางบัวทอง ที่มีสถานที่ให้อาหารวัว ไถ่ชีวิตโค ลอดโบสถ์ 2) วัดแสงสิริธรรม มีองค์หลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สักการะบูชา และยังมีอาหารอร่อยในแพไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย 3) วัดท่าอิฐ เป็นที่สักการะบูชาหลวงพ่อขาว พระพุทธรูปโบราณกว่า 200 ปีซึ่งสร้างในสมัยอยุธยา และ 4) วัดเชิงเลน สักการะหลวงพ่อยิ้ม พระพุทธรูปปางยืนอุ้มบาตร นอกจากนี้สามารถชมความสวยงามของมัสยิดท่าอิฐ ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม ทั้งทางบกและทางน้ำได้มุมมองการถ่ายรูปที่สวยงามไม่แพ้กัน

                อาหารในท่าอิฐนั้นที่พบมากและจะเห็นได้ตั้งแต่ปากซอยเข้าถนนจนถึงท้ายซอยคือ “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” ซึ่งมีอยู่หลายร้านหลากสไตล์มาก ท่านใดชอบสูตรเผ็ดจัดจ้านก็มีให้เลือก ชอบกากหมูเจียว หรือผักสดเป็นเครื่องเคียงก็มีให้ทุกร้านแน่นอน ก๋วยเตี๋ยวเรือในซอยท่าอิฐมีให้เลือกสรรได้มากมายหลายร้านจริง ๆ ทั้งร้านที่เป็นเพิงข้างทาง ร้านในตึกแถว หรือร้านที่สามารถนั่งห้อยขาจากชานบ้านชมปลาเสือพ่นน้ำก็มี นอกจากนี้ต้นซอยยังมีร้านขายต้มเลือดหมู ก๋วยจั๊บ และหมูกรอบแสนอร่อย ให้ลองชิมหรือซื้อเป็นของฝากได้

                นอกจากนี้ตลาดนัดกลางซอยท่าอิฐเป็นสถานที่ที่คนในชุมชน หรือคนสัญจรผ่านไปมาจะได้พบกับของกินดี ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหลายเมนู อย่างเช่น ส้มตำเจ้าเก่า ที่มีทั้งตำปูม้า ตำกุ้งสด ตำผลไม้ เป็นต้น หรือจะซื้อไก่ย่างเจ้าดัง โรตีกรอบที่เป็นเอกลักษณ์แบบหวานกรอบนอกนุ่มในหอมนมข้นหวานที่ราดกำลังดี เป็นของฝากที่ผู้รับต้องถูกใจแน่นอน เห็นหรือไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลกรุงเทพแต่ครบทุกรสชาติมีอยู่จริง การเดินทางก็แสนสะดวกหากนั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงลงที่สถานีบางรักน้อยท่าอิฐขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาได้ไม่ไกลลองดู