เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก คงไม่ใช่การให้ค่าเมืองนี้มากเกินไป หากใครได้สัมผัสด้วยตาของตัวเอง เมืองฮัลล์สตัทท์ เมืองคุ้นตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมืองเล็ก ๆ และเงียบสงบอันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมือง ที่เมื่อนักท่องเที่ยวเดินลัดเลาะเลียบตามทางเรื่อย ๆ จะค่อย ๆ สงบคำพูดและใช้สายตาเพ่งมองทิวทัศน์ บ้านเรือนมากกว่าเปล่งเสียง เพื่อรับอาหารตาให้ไปสู่ความอิ่มใจ ที่สำคัญเมืองนี้สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ละฤดูก็ทำให้ความสวยงามเปลี่ยนไปตามฤดูนั้น ๆ และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการเข้าชมเมืองไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการเข้าชมทั้งสิ้น

การเดินทางท่องเที่ยวเมืองนี้มักจะใช้เวลาไม่นาน บางคนใช้เวลาเพียงวันเดียว บางครั้งถ้าทำเวลาให้เหมือนเป็นเมืองผ่านจะใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงก็สามารถเดินจนครบเมืองได้ หากมีเวลาและอยากเก็บภาพประทับใจแนะนำให้เดินไปที่จุดชมวิวบนภูเขาเกลือ (Salzberg) ซึ่งเป็นอีกจุดที่จะทำให้เห็นหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง และภาพของหมู่บ้านสะท้อนในน้ำเหมือนภาพวาดจากศิลปินธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวที่มีเวลามักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงเวลาที่สวยที่สุดของการอยู่ในเมืองนี้ ได้แก่ ช่วงเช้าที่ได้จิบกาแฟยามเช้าพร้อมกับชมวิวสวยที่ต้องเห็นด้วยตาตนเองไม่ใช่การมองผ่านกล้อง และช่วงกลางคืนที่จุดเทียนจิบไวน์กับบรรยากาศแสนโรแมนติก

สิ่งหนึ่งที่เป็นสถานที่สำคัญของเมืองได้แก่ เหมืองเกลือ โดยต้องเดินทางและเปลี่ยนชุดให้เหมือนเป็นคนงานเหมือง เดินตามทางไปเรื่อย ๆ โดยมีการบรรยายประกอบให้เห็นภาพเกลือที่โปร่งแสง วิวัฒนาการของเหมืองเกลือ นอกจากนี้ยังมีสไลด์เดอร์ให้ได้เล่นสนุกอีกด้วย ขากลับทางออกจากถ้ำจะให้นั่งรถรางขนส่งเกลือออกไป นับได้ว่าได้ความรู้เรื่องเหมืองเกลือและได้ความสนุกในการชมพิพิธภัณฑ์ในแต่ละห้องด้วย และอย่าลืมซื้อเกลือเป็นของฝากเวลาให้ผู้รับอีก ทั้งอย่าลืมกล่าวคำแบบไทยที่ว่าจงรักษาความดีให้เหมือนเกลือที่รักษาความเค็มด้วยจะทำให้ของฝากมีคุณค่ามากขึ้น

หลังจากเที่ยวชมเหมืองเกลือแล้วหากมีเวลาควรค่าอย่างยิ่งกับการทอดน่องชมเมืองอีกรอบอย่างไม่เร่งรีบ นั่งพักตั้งสติคิดใคร่ครวญชีวิตในโบสถ์กลางเมือง โบสถ์ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt Lutheran Church) โบสถ์ยอดแหลมแบบโกธิก (Gothic) ที่มียอดแหลมสูงตะหง่านเป็นจุดเด่นให้กับเมือง และสิ่งที่แปลกอีกหนึ่งอย่างได้แก่ในเมืองแห่งนี้มีโบสถ์ของทั้งสองนิกาย (โปรเตสแตนท์และคาธอลิก) อยู่ข้างกัน

สำหรับการเดินทางมายังเมืองนี้สามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถยนต์ ทางรถไฟแล้วต่อเรือ โดยการเดินทางแต่ละแบบก็จะได้บรรยากาศต่าง ๆ กัน แล้วแต่ความสะดวกและเวลาที่มีให้กับเมืองนี้ของนักท่องเที่ยวแต่ละคนที่จะอำนวย