Tag: เที่ยวต่างประเทศ

เที่ยวไปทั่วโลกได้เพลิน ๆ เมินเจ็ทแลค แจก 7 เทคนิคง่าย ๆ ไม่ต้องเมาเวลา

สายเที่ยวจะรู้ดีว่าเมื่อต้องเดินทางข้าม Time Zone หรือเขตเวลาที่ต่างกันมาก ๆ เช่น ต้องเดินทางข้ามทวีปไปยุโรป สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยคืออาการเจ็ทแลค (Jet Lag) เป็นอาการเมาเวลาที่ทรมานต่อร่างกายสุด ๆ เพราะไม่สามารถปรับเวลานอนได้แบบกะทันหัน ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย กลางวันตื่น กลางคืนนอนไม่หลับ วันนี้เรามีเทคนิคง่าย ๆ มาฝาก สำหรับคนที่ไม่ชอบอาการเจ็ทแลค เมื่อต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน เพื่อท่องเที่ยวไกล ๆ มาเตรียมตัวไว้ก่อนไปเที่ยว

ไปเที่ยวให้เพลิน เมินอาการเจ็ทแลค กับ 7 วิธี เตรียมตัวเนิ่น ๆ ก่อนเดินทาง

1.ปรับเวลานอนตั้งแต่ก่อนเดินทาง วิธีนี้เป็นการปรับเวลานอนของเราเอง ให้ตรงกับเวลาท้องถิ่นที่เราต้องการไปล่วงหน้า เราอาจจะค่อย ๆ เลื่อนเวลานอนของเราเร็วขึ้นทีละน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง จนทำให้ร่างกายชินกับเวลานอนใหม่ แต่สำหรับคนที่ยังมีภารกิจประจำวัน ไม่สามารถปรับเวลาก่อนเดินทางได้เยอะ ก็ไม่ต้องกังวล แค่ทำให้ใกล้เคียงมากที่สุดก็พอแล้ว

2.เลือกเวลาบินให้เหมาะสม นักเดินทางไม่มีใครไม่รู้จัก Red-eye Flight แปลง่าย ๆ คือไฟลท์ตาแดง คือเลือกเดินทางกับเที่ยวบินตอนดึก ๆ เพื่อไปถึงที่หมายในตอนเช้า ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นเที่ยวบินที่ทรมาน แต่ข้อดีของมันคือถ้าเราเป็นคนที่นอนหลับง่าย การนอนพักผ่อนบนเครื่องให้เต็มอิ่มก่อนถึงที่หมายปลายทาง จึงเป็นตัวเลือกแก้ปัญหาอาการเจ็ทแลคได้อีกวิธีหนึ่ง

3.เตรียมอุปกรณ์การนอนให้พร้อมก่อนเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าปิดตา ที่อุดหู หรือแม้แต่ตุ๊กตาที่คุณนอนกอดประจำ หากไม่ลำบากหิ้วมากจนเกินไป รวมทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ควรใส่สบายและเหมาะสม สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรานอนหลับสบายมากขึ้นเวลาอยู่บนเครื่องบิน และนอกจากอุปกรณ์การนอนแล้ว คุณยังมีตัวเลือกในการพกอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่มีแอปฯ ดีๆ แก้เบื่ออย่าง Fun88 PT ติดตัวไปด้วย โดยบนแอปพลิเคชั่นนี้จะมีเกมมากมายให้เลือกเล่น

4.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ก่อนเดินทาง ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางในช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน ถ้าเลี่ยงได้ คุณควรเลี่ยง เพื่องดการกระตุ้นการทำงานของร่างกายไม่ให้มีความตื่นตัวหรือทำงานผิดไปจากปกติ

5.ดื่มน้ำให้เพียงพอ วิธีนี้ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการเดินทาง สำคัญมากพอ ๆ กับการพักผ่อน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ถ้าตามสูตรคือประมาณ 8 แก้วต่อวัน น้ำจะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลได้เร็วมากขึ้นจากอาการเจ็ทแลค อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเด็ดขาด

6.ออกกำลังกายและออกไปเดินรับแสงแดดในตอนเช้า เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว วิธีนี้หากใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ปรับตัวได้เร็วมากขึ้น ส่วนแสงแดดนั้นจะช่วยปรับนาฬิการ่างกายให้เป็นปกติหลังจากการเดินทางได้เร็ว ลดอาการเหนื่อยล้าได้ดี

7.ใช้เมลาโทนินเป็นตัวช่วย วิธีสุดท้ายนี้ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ถ้าคุณเกิดอาการเจ็ทแลคนานกว่าปกติ และได้ใช้วิธีทั้งหมดข้างบนมาหมดแล้ว ยังไม่สามารถนอนหลับตามปกติได้ จนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจะต้องรับประทานยาเมลาโทนินเพื่อช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

โดยปกติอาการเจ็ทแลคจะหายไปได้ภายในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์หรืออาจจะเร็วกว่านั้นสำหรับบางคน แค่ทำตามเทคนิคที่บอกมาทั้งหมด เชื่อว่าทุกคนจะสามารถเดินทางได้แบบสบายใจ และสามารถปรับตัวตามเวลาได้ดีขึ้น เวลาท่องเที่ยวก็จะได้สดชื่น มีแรงเที่ยวอย่างเต็มที่

เที่ยวเกาหลี แบบวิถีสายเปย์ จ้างโอปป้าแล้วจะไปเที่ยวไหนก็ได้

โตแล้ว จะไปเที่ยวไหนก็ได้ จริงไหม แต่จะไปไหนก็ต้องใช้เงิน โดยเฉพาะการไปเที่ยวต่างประเทศในปัจจุบันที่การเดินทางไม่ได้ยุ่งยาก แถมยังมีข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมากมายให้ประกอบการตัดสินใจวางแผนก่อนเดินทางอีกต่างหาก และหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงไม่พ้นประเทศเกาหลีใต้ เพราะอิทธิพลจากซี่รี่ส์เกาหลี นักแสดง และนักร้องบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปทั้งหลาย ต่างดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากไปเกาหลี และตอนนี้ยังมีธุรกิจใหม่ที่ผุดขึ้นมาเอาใจสายเกาหลี โดยเฉพาะกับสาว ๆ  ธุรกิจจ้างโอปป้าพาเที่ยวจึงเกิดขึ้นมา สาว ๆ ที่ยังโสดและอยากไปเที่ยวเกาหลีคนเดียว การจ้างโอปป้าให้เป็นเพื่อนเที่ยวจึงเป็นวิธีที่ไม่ควรมองข้าม และสาว ๆ จะไม่เหงาอีกต่อไป 

จ้างโอปป้า ให้พาเที่ยว ต้องทำอย่างไร และควรจ้างแบบไหน

สำหรับสาว ๆ ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว อาจจะต้องมีความระมัดระวังตัวเองและคำนึงถึงความปลอดภัยมากเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว และการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในต่างแดนฟังดูจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ แต่ถ้าเราลองมองในมุมอื่น ว่าการได้ลองทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมดูบ้าง ก็อาจจะเป็นสีสันใหม่ที่น่าจดจำสำหรับการเดินทางของเราก็ได้

บริษัทที่ผุดแนวคิดให้จ้างโอปป้าพาเที่ยวนี้ขึ้นมา เป็นบริษัทในเกาหลีที่คล้ายกับการบริการหาไกด์นำเที่ยวส่วนตัวให้เรา  แต่เราสามารถเป็นคนเลือกไกด์ที่ถูกใจได้ด้วยตัวเอง โดยคอนเซ็ปต์คือการใช้คำว่า โอปป้า มาเป็นจุดขาย เพื่อสร้างความแตกต่างขึ้นมา โดยเจาะกลุ่มสาว ๆ ที่ชื่นชอบความเป็นเกาหลี และได้ความรู้สึกว่าเราได้มีเพื่อนชาวเกาหลีมาเที่ยวเป็นเพื่อนนั่นเอง โดยจะขออธิบายคำว่า โอปป้า ซึ่งแปลว่า พี่ชาย ใช้สำหรับน้องสาวเรียกพี่ชาย หรือผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่าเรียกผู้ชายที่มีอายุมากกว่า และความหมายอีกนัยหนึ่ง คำว่าโอปป้า เป็นคำที่แฟนสาวชาวเกาหลีใช้เรียกแฟนหนุ่มของตัวเองได้ จึงเหมือนตีความออกมาได้สองความหมายแล้วแต่สถานะ

วิธีการเข้าไปเลือกโอปป้าก็แสนจะง่าย เราสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการ โดยทำการสมัครสมาชิกก่อนให้เรียบร้อย ในนั้นจะมีรูปถ่าย รายชื่อของโอปป้าและประวัติให้เราดูก่อน โดยแต่ละคนจะมีประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ภาษาที่สามารถสื่อสารได้ งานอดิเรก ส่วนสถานที่ต่าง ๆ สำหรับการนัดเจอกัน เช่น เราต้องการไปเที่ยว อิแทวอน สามารถนัดเจอได้ ตรงสถานีอิแทวอน ทางออกหมายเลข 1  ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 70 USD หรือประมาณ 2,240 บาท โดยยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นที่สาว ๆ จะต้องเป็นคนจ่ายเอง มีเวลากำหนดการจ้างที่แน่นอน คือ 2 ชั่วโมง 30 นาที หรือเราอยากไปที่อื่นนอกเหนือจากนี้ ก็ไม่มีปัญหา รวมทั้งถ้าอยากจ้างนานกว่าเวลาที่กำหนด ก็ย่อมได้ เป็นสายเปย์ทั้งที มีเงินก็จ้างไปได้เลย แต่ไม่ว่าจะจ้างโอปป้าคนไหน หรือจะไปไหน ก็จะต้องทำการจองก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน

ถ้าสาว ๆ คนไหนไม่สะดวกใจที่จะไปเที่ยวกับโอปป้า เค้าก็มีบริการ Unnie Service หรือ ออนนี่ ที่แปลว่า พี่สาว ให้เลือกพาเที่ยวด้วยเช่นกัน ซึ่งมีข้อจำกัดว่าต้องเป็นเฉพาะสาว ๆ เท่านั้นถึงจะใช้บริการออนนี่พาเที่ยวได้ เพราะฉะนั้นหนุ่ม ๆ อดไปตามระเบียบ

จะเห็นว่าการใช้บริการหาเพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นพาเราเที่ยวก็น่าสนใจดีเหมือนกันใช่ไหม ข้อดีแรกก็คือเรามั่นใจได้ว่านี่คืองานของเขา คนที่เราเลือกก็ย่อมผ่านการคัดกรองจากบริษัทมาอย่างดีแล้ว มีตัวตนที่น่าเชื่อถือได้ ข้อดีต่อมาคือเราอาจจะได้ความรู้และได้เดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่โดยมีเจ้าถิ่นที่เชี่ยวชาญพื้นที่พาไป และเผลอ ๆ เราก็อาจจะได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง เป็นโบนัส เป็นการได้แลกเปลี่ยนทัศนคติและประสบการณ์ของกันและกัน เป็นอีกหนึ่งสีสันของการเดินทางท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร แค่เราเปิดใจยอมรับและมองหาข้อดีที่เราได้รับเท่านั้นเอง

Icheon เมืองแห่งศิลปะ และตำนานเครื่องปั้นดินเผาโบราณแห่งเกาหลี

เมือง Icheon หรืออ่านว่า “อิชอน” เป็นเมืองที่คนชอบงานเครื่องปั้นดินเผา เซรามิค ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะ เมืองอิชอนขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคของราชวงศ์โชซอนแห่งเกาหลี ที่เหล่าช่างปั้นดินเผาฝีมือดีต่างแข่งขันกันส่งงานปั้นที่ดีที่สุดเข้าวังหลวงกันเลยทีเดียว

เหตุผลที่คุณควรมาเยือนเมืองอิชอนสักครั้ง นอกจากเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องงานปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมของเกาหลี ยังรวมงานฝีมือ และศิลปะด้านอื่น ๆ ไว้ทั่วทั้งเมือง ที่นี่การันตีด้วยองค์การ UNESCO หรือองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ จากการเข้าร่วมเครือข่ายของ UNESCO’s Creative Cities Network เป็นเมืองแรก และยังได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประกวดงานปั้นเซรามิคในหลาย ๆ งาน จนถูกยกให้เป็นเมืองประธานแห่งแผนกหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านในปี 2018

Yes Park สวนแห่งพรสวรรค์ และความภาคภูมิใจในศิลปะ

“Ye” ซึ่งแปลว่า “ทักษะ” หรือ “พรสวรรค์” Ye’s Park จึงถูกสร้างขึ้นมา เปรียบเสมือนแกลเลอรีขนาดใหญ่มหึมาของเมืองอิชอน เป็นหมู่บ้านที่มีเวิร์กชอปสำหรับงานหัตถกรรมถึงสองร้อยกว่าแห่ง อาจจะมีเดินหลงเมืองกันบ้างล่ะ ที่นี่มีแกลเลอรีงานเซรามิค งานไม้ เฟอร์นิเจอร์แบบวินเทจ ภาพวาด ประติมากรรม ฯลฯ เอาเป็นว่ารวมแหล่งงานศิลปะไว้เกือบทั้งหมด สายอาร์ตที่หลงใหลในศิลปะ ต้องการมาที่ Ye’s Park ควรวางแผนจัดเวลาไว้ให้ดี เพราะการจัดเวิร์กชอปของที่นี่มีโปรแกรมที่น่าสนใจมากมายให้คุณมาฝึกสร้างสรรค์ผลงานกับศิลปินท้องถิ่นตัวจริงเสียงจริงที่มีฝีมือขั้นเทพ

สำหรับผู้ที่อยากดื่มด่ำกับงานศิลปะให้จุใจ แกลเลอรีหรือเวิร์กชอปบางแห่งมีห้องรับรองสำหรับแขกผู้มาเยือนด้วย ภายใต้แนวคิด “Artstay” เก๋ไปอีกไหมล่ะ เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ทำงานแต่เป็นบ้านของศิลปินอีกด้วย คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ได้สัมผัสวิธีการทำงาน และวิถีชีวิตของศิลปินท้องถิ่นแห่งเมืองอิชอน ซึ่งหาได้ยากและเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ

ในเมื่อเมืองอิชอนถูกแต่งตั้งให้เป็นท่านประธานแห่งงานศิลปะหัตถกรรมแล้ว ก็ต้องจัดเต็มให้สมศักดิ์ศรี เพราะที่นี่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลต่าง ๆ อีกมากมาย Ye’s Park ยังมีชื่อของสวนสาธารณะที่แบ่งออกเป็นสวนต่าง ๆ ตามธีมงาน เช่น Gama Village, Hoerang Village, Café Street และสวนอื่น ๆ โดยแต่ละส่วนมีตลาดนัดและงานเทศกาลที่มีความสนุกและมีชีวิตชีวามากทีเดียว ยังไม่พอ สถานที่นี้ยังมีการจัดงาน National Acoustic Guitar Festival สำหรับคนชอบดนตรีขึ้นในเดือนมิถุนายน และงานเทศกาลฤดูร้อนของเกาหลีในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม มีสถานที่ตั้งแคมป์สำหรับครอบครัว จัดเต็มกันขนาดนี้ สายเที่ยวจะพลาดได้ไง

มีของแถมส่งท้ายสำหรับคนที่ชอบหิมะและกีฬาแอดเวนเจอร์ เมืองอิชอนยังมีรีสอร์ทที่ให้คุณได้มาลองเล่นสกี นั่นคือ Jisan Resort Forest ซึ่งเปิดในช่วงหน้าหนาวหรือตั้งแต่เดือนธันวาคม ราคาค่าเล่นสกีนั้นก็แสนจะถูก ไม่เกิน 30,000 วอน เล่นได้ทั้งวัน มีรถบัสของทางรีสอร์ทรับ – ส่ง ฟรีจากโซลมายัง Jisan และเมืองใกล้เคียง ขอบอกอีกนิดว่าการเดินทางจากโซลมายังเมืองอิชอน ยังสามารถนั่งรถบัสจากสนามบินอินชอนได้เลยโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ แต่ไม่ฟรี แต่มาเที่ยวทั้งทีได้ครบ ทั้งความรู้ งานศิลปะ วัฒนธรรมพื้นเมือง แถมได้เล่นสกี สัมผัสหิมะแบบ ฟิน ๆ กันไปเลย ใครที่มองหาตัวเลือกไว้ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากโซล อย่าลืมเก็บเมือง อิชอน ไว้ในทริปครั้งหน้าของคุณกันด้วยล่ะ

ทริปนี้เน้นกิน เช็คอินให้โลกรู้ กับ 8 คาเฟ่ ร้านดังในกรุงโซล

ถ้าจะพูดถึงเมืองท่องเที่ยวสุดชิค โดนใจวัยรุ่นสายชิล ก็ต้องยกให้กรุงโซล ประเทศเกาหลีมาเป็นอันดับต้น ๆ กรุงโซลเป็นเมืองใหญ่และมีสถานที่สวยเก๋ น่าไปถ่ายรูปอยู่เต็มไปหมด อย่างร้านคาเฟ่และขนมที่เอาใจสายหวาน หรือคนชอบกินขนม จะต้องตามไปเก็บร้านให้ครบ บางคนถึงกับต้องกลับไปเที่ยวอีกหลายรอบ เพราะคาเฟ่น่ารักมีอยู่เต็มไปหมด แต่ละร้านก็พยายามสร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ ดีไซน์ร้านออกมาเพื่อแสดงเอกลักษณ์ของตัวเองกันอย่างเต็มที่ เหล่าฮิปสเตอร์ สายชิค สายคาเฟ่ฮอปปิ้ง ไม่น่าจะอดใจไหว ทริปนี้เน้นกินของหวาน มาถ่ายรูป เช็คอินให้โลกรู้ กับ 8 คาเฟ่ร้านดังในกรุงโซล

1.ZAPANGI อ่านว่า ซาพันกี ร้านที่มีแต่ความน่ารักเต็มไปหมด สีพาสเทลมุ้งมิ้งสดใส ความเก๋คือตั้งแต่ประตูทางเข้าที่ออกแบบเหมือนตู้กดน้ำสีชมพู ขนมเค้กที่นี่เน้นสีสันน่ารัก เสิร์ฟมาในกระป๋อง เครื่องดื่มตกแต่งวิปครีมสีรุ้ง เอาใจสายหวานฟรุ้งฟริ้งกันสุด ๆ

พิกัด : Mangwon-dong,Mapo-go Station ทางออก 2

2.Pink Pool Cafe ความหวานยังไม่หมดเท่านี้ มาเสิร์ฟต่อกับร้านที่สอง คาเฟ่ที่ให้อารมณ์เหมือนนั่งทานขนมอยู่ข้างสระว่ายน้ำแบบชิล ๆ เมนูเด็ดของร้าน คือสายไหมสีพาสเทลฟูฟ่องที่เสิร์ฟมาในแก้วเครื่องดื่มแบบแชมเปญ

พิกัด : Stylenanda Myeongdong, ชั้น 5-6

3.Paulin Pancake Coffee เอาใจคนรักแพนเค้กเด้งดึ๋ง นุ่ม ๆ สไตล์ Souffle เมนูต้องลอง คือ Earl Grey Souffle Pancake โรยด้วยถั่วและแอปเปิลคาราเมล

พิกัด : Hongik University ทางออก 9

4.Cafe Onion ถ้าอยากได้ฟีลหมู่บ้านโบราณของเกาหลีให้มาที่นี่ ตั้งอยู่ที่อินซาดง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังคย็องบกกุง (Gyeongbokgung Palace) อันเก่าแก่ ที่คนนิยมมาเที่ยว เดินชมวังเสร็จจะมานั่งพักทานขนมปังแบบต่าง ๆ ที่เป็น Signature ของทางร้าน พร้อมจิบชา น่าจะให้ความรู้สึกดีมากเชียวล่ะ

พิกัด : สถานี Anguk ทางออก 2-3

5.Cafe Skon คาเฟ่สไตล์โมเดิร์น โทนขาวสบายตา แต่มีสีสันของการตกแต่งร้านแบบสนุก ๆ ขนมเด็ดของร้านคือ Lemon Cake และคุ้กกี้ ทานคู่กับเครื่องดื่มหลากหลายเมนูของร้าน

พิกัด : สถานี Hongik University ทางออก 3

6.C.Through Café สายคาเฟ่ตัวจริงที่หลงงานศิลปะบนถ้วยกาแฟต้องกรี๊ด เครื่องดื่มที่เป็น Signature คือ Creamart เป็นกาแฟลาเต้ที่บาริสต้าจะมีลูกเล่นวาดลวดลายน่ารัก ๆ ลงไป กาแฟงานดีแล้ว แต่บาริสต้างานดีมาก สายโอปป้าอย่าได้พลาด แต่ถ้าไม่ดื่มกาแฟจะเปลี่ยนเป็นนมวานิลลาแทนก็ได้ เมนูเด่นอีกตัวคือ Caramelting เป็นคัสตาร์สชูครีมวางบนกาแฟร้อน วิธีกินจะต้องหั่นชูครีมเป็นชิ้นแล้วจุ่มลงไปในกาแฟทานทีละคำ

พิกัด :403-3, Itaewon-dong, Yongsan-gu

7.Florte Flower Café คาเฟ่สุดหวานหวานท่ามกลางสวนดอกไม้ การตกแต่งด้วยสไตล์บ้านสวนวินเทจกลางกรุงโซล มีความสวยหวานไปทุกมุม สำหรับสาว ๆ ที่ชอบดอกไม้ คุณจะพบแต่ความฟรุ้งฟริ้ง ทั้งขนมอร่อยที่เสิร์ฟมาพร้อมดอกไม้เข้าธีมร้านเลยทีเดียว

พิกัด : Hongik University station ทางออก 6

8.Mangwondong Tiramisu คนรักขนมหวานทีรามิสุ จะต้องฟินกันสุด ๆ เพราะร้านนี้ขึ้นชื่อมาก ทีรามิสุเนื้อเนียนนุ่มมาก แถมยังมีหลายรสชาติ เช่น ทีรามิสุชาเขียว บลูเบอร์รี่ สตอร์เบอร์รี่ บรรยายมาขนาดนี้ สายทีรามิสุจะต้านไหวหรอ

พิกัด : สถานี Hongik University ทางออก 3

เสิร์ฟคาเฟ่ทั้ง 8 ร้าน มาให้แบบเน้น ๆ เอาใจสายหวานและสายฮิปสเตอร์กันขนาดนี้ ต้องห้ามพลาด ครั้งหน้าใครไปเที่ยวโซล อย่าลืมไปกินขนม ถ่ายรูปฟิน ๆ เช็คอินให้ครบจุใจไปเลย

10 เมืองท่องเที่ยว แบ็คแพ็คไปลุยคนเดียวก็สนุกได้ การันตีว่าปลอดภัยมากที่สุดในโลก

การออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแบบลุยเดี่ยว ดูเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็กล้าทำกันมากขึ้นในสมัยนี้ ส่วนอีกหลายคนคิดอยากจะไปคนเดียวแต่ไม่กล้า เรื่องที่น่าห่วงมากที่สุดคงเป็นเรื่องของความปลอดภัยของตัวเอง โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่แม้จะคิดว่าตัวเองเป็นสาวแกร่งแค่ไหน ก็ต้องมีความกังวลกันบ้าง แต่ปัจจุบันมีเมืองท่องเที่ยวหลายเมืองที่การันตีได้ในเรื่องของความปลอดภัยมากที่สุดในโลก เพื่อให้นักเดินทางที่อยากเริ่มต้นลุยเดี่ยวแบบสบายใจ แทนที่จะกลัวจนหมดสนุก เราลองเลือกเมืองที่เหมาะสม แล้วออกไปท่องโลกกันเถอะ

10 เมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับความปลอดภัยสูงสุด มีคะแนนการันตี เที่ยวได้สบายใจ

จากการรวบรวมข้อมูลของเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อจัดอันดับของความปลอดภัย ของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ในปี 2019 นั้น โดยสรุปออกมาเป็นภาพรวม คือ ความปลอดภัยส่วนบุคคล สุขภาพ สาธารณูปโภคพื้นฐาน และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหรือด้านดิจิตอล เริ่มจากอันดับความปลอดภัยสูงสุด ที่มีคะแนนรวมจากมากที่สุด

อันดับที่ 1 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

แชมป์ของเมืองที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลก ในทวีปเอเชียแปซิฟิก ตกเป็นของเมืองโตเกียว ได้คะแนนรวม 92 คะแนน ชนะแบบไม่ต้องสงสัยเพราะเราเห็นระบบต่าง ๆ เช่น การรับมือกับการเกิดแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นแม้จะมีอาคารขนาดใหญ่ในเมืองมากมาย รวมถึงความปลอดภัยส่วนบุคคล ไปเที่ยวโตเกียวถึงไปคนเดียวก็เที่ยวสบายหายห่วง

อันดับที่ 2 สิงคโปร์

คะแนนรวม 91.5 การันตีว่าสิงคโปร์เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวคนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี การเดินทางในเมืองสิงคโปร์สะดวกมาก อยากลองออกเดินทางคนเดียว ลองไปลุยที่นี่ก่อนได้ แหล่งท่องเที่ยวมีคุณภาพและปลอดภัยไม่แพ้อันดับ 1 เลย

อันดับที่ 3 โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

วกกลับมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกรอบ แต่เปลี่ยนเป็นเมืองโอซาก้า ที่ได้คะแนนความปลอดภัยรวมไป 90.5 โอซาก้านั้นสวยงาม น่าเที่ยว ขอแค่เตรียมแผนการเดินทางให้พร้อม กายพร้อม ใจพร้อม เตรียมบินไปโอซาก้ากันได้เลย

อันดับที่ 4 อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์

ไปฝั่งยุโรปกับเมือง อัมสเตอร์ดัม คะแนนรวม 88 คะแนน เลขสวยซะด้วย สมกับเป็นเมืองแห่งมรดกโลก เมืองเล็ก ๆ แต่ปลอดภัยและมีประวัติศาสตร์เก่าแก่สวยงามอีกเมืองหนึ่ง ถึงจะดูไกลไปสำหรับนักเดินทางมือใหม่ แต่เมื่อมั่นใจว่าอยากไปเที่ยวที่นี่แล้ว อย่ารีรอ

อันดับที่ 5 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

เมืองปลอดภัย Top 5 ที่ได้คะแนนรวมไป 87.9 คะแนน ซิดนีย์เป็นประเทศที่จัดอยู่ในทวีปเอเชียแปซิฟิก เมืองแห่งความมีชีวิตชีวา อีกเมืองหนึ่งที่น่าไปเที่ยว การันตีด้วยความปลอดภัยส่วนบุคคลและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี

อันดับที่ 6 โตรอนโต ประเทศแคนาดา

คะแนนรวมสูสีกับเมืองซิดนีย์ ห่างกันเพียง 0.1 เท่านั้น โตรอนโตได้คะแนนไป 87.8 เมืองแห่งความปลอดภัยที่สุดและสะอาดที่สุดในอเมริกาเหนือ เสน่ห์ที่น่ารักของโตรอนโตคือผู้คนที่นี่เป็นมิตรมาก ถึงแม้จะรั้งอันดับที่ 6 แต่ความน่าเที่ยวของเมืองนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองอื่น ๆ เลย

อันดับที่ 7 วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

เมืองต้นกำเนิดของประชาธิปไตย และเป็นจุดศูนย์กลางทางการเมือง รวมถึงประวัติศาสตร์ของอเมริกา คะแนนรวมที่ได้คือ 87.6 คะแนน จุดเด่นที่น่าท่องเที่ยวของเมืองวอชิงตัน ดี.ซี.คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ อนุสรณ์สถานต่าง ๆ ที่มีอยู่เต็มไปหมด

อันดับที่ 8 โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

โคเปนเฮเกน ได้คะแนนรวมไป 87.4 คะแนน เมืองในเทพนิยายที่ผู้คนขนานนาม เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่น่าสนใจ ว่ากันว่าใครได้ไปเที่ยวก็เหมือนดั่งต้องมนต์ ถึงจะอยู่ในอันดับ 7 แต่ความปลอดภัยสูงไม่ได้น้อยไปกว่าเมืองไหน ใครจะแบกเป้เที่ยว ลุยเดี่ยวเมืองนี้ก่อนก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

อันดับที่ 9 โซล ประเทศเกาหลีใต้

เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยว คะแนนรวมอยู่ที่ 87.4 แต่โซลขึ้นชื่อในเรื่องความปลอดภัยมากสุด ๆ เช่นกัน เนื่องจากมีกฎระเบียบและกฎหมายที่เข้มข้นจริงจัง ผู้คนมีวินัย มีแหล่งท่องเที่ยวเอาใจวัยรุ่นมากมาย อาหารการกินก็อร่อย หากอยากจะลองตะลุยโซลคนเดียว จะมัวรออะไร รู้แบบนี้ สาว ๆ สบายใจลุยเดี่ยวได้เลย

อันดับที่ 10 เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

วกกลับมาที่ออสเตรเลียกันอีกครั้ง ได้คะแนน 87.4 เท่ากับโซล เมลเบิร์นเป็นเมืองสวยงามน่าไปมาก และอากาศดี ช่วงที่น่าเที่ยวคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือเดือนเมษายน อากาศจะไม่หนาวมากหรือร้อนมากจนเกินไป

พอจะตัดสินใจกันได้แล้วใช่ไหมสำหรับนักเดินทางมือใหม่ที่อยากจะท้าทายตัวเอง แม้แต่ละเมืองจะถูกจัดอันดับความปลอดภัยมาให้สบายใจกันระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็ควรเตรียมตัว ศึกษากฎ ระเบียบ ของเมืองต่าง ๆ ที่เราจะไปให้ดีก่อนด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดหวังไว้ จะได้มีข้อมูลช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น อย่าลืมว่าความปลอดภัยของตัวเรานั้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

คนโสดต้องลุย เตรียมบินไปไหว้ขอแฟน 4 วัด 4 ประเทศ อยากลงจากคาน จะรอช้าได้ไง

สาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ คนไหนบ่นว่าโสด เหงา อยากมีแฟนมาตลอด จะทนเหงากันอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ อยากมีแฟนมาทางนี้ เรามีวิธีให้คนโสดลงจากคาน ส่วนคนที่เพิ่งอกหักจงปาดน้ำตาแล้วเดินหน้าเตรียมเก็บกระเป๋าบินไปขอคู่กันเลย เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเลยดีกว่า กับ 4 วัดศักดิ์สิทธิ์ในประเทศเอเชีย อยู่ใกล้ไทย ไปง่าย พร้อมวิธีขอพรที่ถูกต้อง ขอยังไงให้ได้ลงจากคาน

4 วัดศักดิ์สิทธิ์ สำหรับคนโสด ที่ต้องไปขอเนื้อคู่ ขอแล้วได้แฟนจริง

วัด เยี่ยไห่ชิง (Yueh Hai Ching Temple) ประเทศสิงคโปร์ เริ่มจากที่นี่กันก่อนเลยจากกรุงเทพ ฯ บินไป สิงคโปร์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง วัดนี้ถูกขนานนามว่า “The Love Temple” เพราะคนที่เคยมาขอพรที่วัดนี้ต่างสมหวังในความรักกันมากมาย วิธีขอคือต้องขอกับเทพเจ้า “Elder Of Moon” โดยนำด้ายสีแดงไปคล้องไว้ที่องค์เทพเจ้าและอธิษฐานขอเรื่องคู่

การเดินทาง : MRT สถานี Raffles Place ทางออก D

วัด หวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) ฮ่องกง วัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการขอเนื้อคู่ ภายในวัดมีเทพเจ้าหยกโหลว หรือเทพเจ้าด้ายแดง เป็นรูปปั้นเทพเจ้าสีทองถือสมุดเนื้อคู่อยู่ตรงกลางระหว่างรูปปั้นเจ้าสาว และรูปปั้นเจ้าบ่าว และมีด้ายแดงโยงไปที่เทพเจ้าหยอกโหลว การขอพรจะต้องใช้ด้ายแดงผูกนิ้วเอาไว้ ในระหว่างทำพิธีห้ามไม่ให้ด้ายแดงนี้หลุดออกจากมือเด็ดขาด การขอพรที่ถูกต้องมีวิธีดังนี้

ผู้หญิง ให้ไหว้ที่เทพเจ้าหยกโหลว 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าสาว (ทางซ้ายมือ) อธิษฐานขอคู่ที่เจ้าสาว เสร็จแล้วไหว้ 3 ครั้ง แล้วเดินไปทางรูปปั้นเข้าบ่าว (ทางขวามือ) ใช้มือลูบเท้าเจ้าบ่าว 3 ครั้ง หลังจากนั้นให้ปล่อยด้ายแดงออกได้ และผูกด้ายแดงไว้กับเชือกเป็นอันเสร็จพิธี

ผู้ชาย ไหว้เทพเจ้าหยกโหลว 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าบ่าวก่อน อธิษฐานขอคู่ แล้วไหว้อีก 3 ครั้ง จากนั้นเดินไปที่รูปปั้นเจ้าสาว ใช้มือลูบที่เท้าเจ้าสาว 3 ครั้ง แล้วปล่อยมือออกจากกันได้และจึงผูกด้ายแดงไว้ที่เชือก

การเดินทาง : MRT สถานี Wong Tai Sin ทางออก B2

วัดหลงซาน เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน จากกรุงเทพบินไปไต้หวันใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง วัดเก่าแก่ของไต้หวันที่มีชื่อเสียง คนโสดมาขอพรเรื่องความรักกันที่วัดแห่งนี้ต่างก็สมหวังกันมาเยอะ รู้แบบนี้ต้องรีบมา และวิธีไหว้ขอพรที่ถูกต้องคือต้องไหว้กับเทพเฒ่าจันทรา โดยให้หยิบไม้สีแดงรูปพระจันทร์เสี้ยว หรือเรียกกันว่า “เซ้งปวย” ประกบคู่ไว้ในมือ แล้วบอก ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด ของเรา โดยจะต้องบอกอย่างละเอียด แล้วอธิษฐานขอคู่ ใครมีสเปคแฟนไว้แบบไหน รูปร่าง หน้าตา นิสัยที่อยากได้ ให้บอกให้หมด อย่าเขินอาย ไปขนาดนี้แล้ว ต้องขอให้จริงจัง

จากนั้นก็เป็นการถามเรื่องความรักที่เราอธิษฐานไปเพื่อขอด้ายแดงจากเทพเฒ่าจันทราด้วยการโยนไม้เสี่ยงทาย จะต้องโยนไม้ 3 ครั้ง และไม้จะต้องออกมารูปแบบ คว่ำ 1 อัน หงาย 1 อัน แบบนี้ติดกัน 3 ครั้ง แบบนี้ถือว่าสำเร็จ จึงจะสามารถหยิบด้ายแดงออกมาได้เพื่อนำไปวนที่กระถางธูป 3 รอบ และจะต้องวนตามเข็มนาฬิกาเท่านั้น เชื่อว่าด้ายแดงนี้จะไปผูกคนที่เป็นเนื้อคู่เราให้มาเจอกัน

หากเราโยนไม้เสี่ยงทายออกเป็นรูปแบบคว่ำทั้งสองอันในรอบใดรอบหนึ่ง จะหมดสิทธิ์โยนต่อ แปลว่า ไม่ได้ แต่ถ้าไม้หงายทั้งสองอัน มีความหมายว่าไม่รู้ หรือไม่แน่ใจ สามารถโยนไม้เสี่ยงทายใหม่ได้ โดยนับรอบใหม่ให้ครบ 3 ครั้ง ขั้นตอนนี้ขอให้ตั้งใจ เพราะนี่หมายถึงคำตอบว่าคุณจะได้คู่หรือไม่

การเดินทาง : MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Longshan Temple ทางออก 1

ศาลเจ้า โตเกียว ไดจินกู (Tokyo Daijingu) ประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่หนุ่มสาวโสดชาวญี่ปุ่นยกให้เป็นอันดับหนึ่งในการมาขอพรเรื่องความรัก การันตีด้วยการที่มีเหล่าบรรดาคนโสดหลั่งไหลกันมาขอพรที่นี่ไม่ขาดสาย วิธีการขอพรนั้นไม่ยุ่งยาก ก่อนอื่นให้เดินไปยังจุดล้างมือ เพื่อตักน้ำรดมือทั้ง 2 ข้างเพื่อเป็นการชำระล้างร่างกายและจิตใจเราก่อนทำการอธิษฐาน ให้โยนเหรียญเพื่อเป็นเหมือนการบริจาคให้ศาลเจ้า แล้วโค้งคำนับ 2 ครั้ง ประกบมือทั้ง 2 ข้างแล้วปรบมือ 2 ครั้งให้เกิดเสียง เชื่อว่าเป็นการทำให้เทพเจ้ารับรู้ว่าเรากำลังมาขอพร เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วให้โค้งคำนับ 1 ครั้ง ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เครื่องรางต่าง ๆ ไอเทมที่ได้รับความนิยมมาก ๆ คือ “เครื่องรางเทพเจ้าผูกรัก Enmusubi” และยังมีเครื่องรางอื่น ๆ มีให้เลือกสำหรับเก็บไปบูชา หรือเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย เอาเป็นว่าเลือกกันได้ตามอัธยาศัยและความศรัทธาก็แล้วกัน

การเดินทาง : MRT สถานี Idabashi ทางออก A4 หรือ นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Idabishi ทางออก West

รู้พิกัดกันขนาดนี้แล้ว คนโสดควรลุย เดินหน้าไปต่อได้เลยสวย ๆ เรื่องความรักเป็นเรื่องธรรมชาติของคนทุกคน และการไปขอพรนั้น ไม่จำเป็นจะต้องขอเรื่องเนื้อคู่เพียงอย่างเดียว ใครอยากขอเรื่องสุขภาพ การงาน หรือเรื่องใดก็ตามก็สามารถอธิษฐานได้ทุกเรื่อง หากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อเราให้ความเคารพสถานที่และมีจิตใจศรัทธา รวมทั้งปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรมเสมอ เชื่อว่าท่านย่อมให้สิ่งดี ๆ ตอบแทนเราแน่นอน