Category: เที่ยวต่างประเทศ

ค้นพบความเงียบสงบ: จุดหมายปลายทางยอดนิยมในจังหวัดคามาคุระประจำปี 2024

จังหวัดคามาคุระตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศอันเขียวชอุ่มและมรดกทางวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยมนต์เสน่ห์เหนือกาลเวลา ในขณะที่เราเริ่มต้นการเดินทางในปี 2024 เรามาสำรวจจุดหมายปลายทางยอดนิยมในภูมิภาคที่น่าหลงใหลนี้กันดีกว่า ที่ซึ่งประเพณีโบราณผสมผสานกับเสน่ห์อันทันสมัยได้อย่างลงตัว โดยสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนให้กับทุกคนที่ร่วมผจญภัยไปที่นั่น

พระใหญ่แห่งคามาคุระ (วัดโคโตคุอิน)

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของคามาคุระ ดึงดูดผู้มาเยี่ยมชมด้วยความสง่างาม การเยี่ยมชมวัดโคโตคุอินเผยให้เห็นความงามอันน่าทึ่งของรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดมหึมานี้ เชิญชวนให้ใคร่ครวญและเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์หลายศตวรรษ

เกาะเอโนชิมะ

เอโนชิมะเป็นเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่ง เป็นสถานที่หลีกหนีจากชีวิตในเมืองที่วุ่นวายได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำรวจศาลเจ้าเอโนชิมะ เดินเล่นในสวนอันเขียวชอุ่ม และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิ บรรยากาศอันน่าหลงใหลของเกาะทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้รักธรรมชาติและผู้แสวงหาความเงียบสงบต้องมาเยือน

วัดฮาเซเดระ

ฮาเสะเดระหรือที่รู้จักกันในชื่อวัดฮาเสะคันนง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่รายล้อมไปด้วยดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ตื่นตาตื่นใจไปกับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่สูงตระหง่าน และขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ชายฝั่งอันน่าทึ่ง บรรยากาศอันเงียบสงบทำให้ฮาเสะเดระเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการสะท้อนและชื่นชมความงามของธรรมชาติ

ป่าไผ่คามาคุระ (วัดโฮโคคุจิ)

ดื่มด่ำไปกับอ้อมกอดอันเงียบสงบของสวนไผ่โฮโคคุจิ อัญมณีที่ซ่อนเร้นนี้ให้การหลบหนีอันเงียบสงบ โดยที่ใบไผ่ส่งเสียงกรอบแกรบสร้างทำนองที่ผ่อนคลาย ผู้เยี่ยมชมยังสามารถเข้าร่วมพิธีชงชาแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วยเพิ่มสัมผัสของความร่ำรวยทางวัฒนธรรมให้กับประสบการณ์ของพวกเขา

ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกุ

ใจกลางคามาคุระ ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกูตั้งตระหง่านเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมรดกทางจิตวิญญาณของเมือง ศาลเจ้าแห่งนี้รายล้อมไปด้วยประตูโทริอิสีแดงสดและต้นไม้โบราณ ซึ่งจะทำให้มองเห็นพรมผืนวัฒนธรรมของญี่ปุ่น อย่าลืมเดินขึ้นบันไดหินเพื่อชมทิวทัศน์มุมกว้างของคามาคุระและมหาสมุทรแปซิฟิก

ถนนโคมาจิ

สำหรับผู้ที่มองหาการผสมผสานระหว่างประเพณีและความทันสมัย ถนนโคมาจิเป็นตลาดที่มีชีวิตชีวาซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านค้าและร้านกาแฟ ดื่มด่ำกับอาหารท้องถิ่น เลือกซื้องานฝีมือแบบดั้งเดิม และสัมผัสพลังร่วมสมัยที่เจริญรุ่งเรืองในย่านที่พลุกพล่านแห่งนี้

บทสรุป

ในปี 2024 จังหวัดคามาคุระยังคงสร้างเสน่ห์ให้กับนักท่องเที่ยวด้วยเสน่ห์อันเหนือกาลเวลาและการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประวัติศาสตร์และธรรมชาติ ไม่ว่าจะสำรวจวัดโบราณ คดเคี้ยวผ่านสวนไผ่ หรือดื่มด่ำกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของถนนโคมาจิ ทุกมุมของคามาคุระมอบประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์และมีคุณค่า ขณะที่คุณวางแผนการเดินทางสำหรับปีข้างหน้า ให้พิจารณาคามาคุระเป็นจุดหมายปลายทางที่สัญญาว่าจะมอบความทรงจำอันล้ำค่าและความซาบซึ้งอย่างลึกซึ้งต่อความงามของพรมวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

เที่ยวเกาหลี แบบวิถีสายเปย์ จ้างโอปป้าแล้วจะไปเที่ยวไหนก็ได้

โตแล้ว จะไปเที่ยวไหนก็ได้ จริงไหม แต่จะไปไหนก็ต้องใช้เงิน โดยเฉพาะการไปเที่ยวต่างประเทศในปัจจุบันที่การเดินทางไม่ได้ยุ่งยาก แถมยังมีข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมากมายให้ประกอบการตัดสินใจวางแผนก่อนเดินทางอีกต่างหาก และหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงไม่พ้นประเทศเกาหลีใต้ เพราะอิทธิพลจากซี่รี่ส์เกาหลี นักแสดง และนักร้องบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปทั้งหลาย ต่างดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากไปเกาหลี และตอนนี้ยังมีธุรกิจใหม่ที่ผุดขึ้นมาเอาใจสายเกาหลี โดยเฉพาะกับสาว ๆ  ธุรกิจจ้างโอปป้าพาเที่ยวจึงเกิดขึ้นมา สาว ๆ ที่ยังโสดและอยากไปเที่ยวเกาหลีคนเดียว การจ้างโอปป้าให้เป็นเพื่อนเที่ยวจึงเป็นวิธีที่ไม่ควรมองข้าม และสาว ๆ จะไม่เหงาอีกต่อไป 

จ้างโอปป้า ให้พาเที่ยว ต้องทำอย่างไร และควรจ้างแบบไหน

สำหรับสาว ๆ ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว อาจจะต้องมีความระมัดระวังตัวเองและคำนึงถึงความปลอดภัยมากเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว และการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในต่างแดนฟังดูจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ แต่ถ้าเราลองมองในมุมอื่น ว่าการได้ลองทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมดูบ้าง ก็อาจจะเป็นสีสันใหม่ที่น่าจดจำสำหรับการเดินทางของเราก็ได้

บริษัทที่ผุดแนวคิดให้จ้างโอปป้าพาเที่ยวนี้ขึ้นมา เป็นบริษัทในเกาหลีที่คล้ายกับการบริการหาไกด์นำเที่ยวส่วนตัวให้เรา  แต่เราสามารถเป็นคนเลือกไกด์ที่ถูกใจได้ด้วยตัวเอง โดยคอนเซ็ปต์คือการใช้คำว่า โอปป้า มาเป็นจุดขาย เพื่อสร้างความแตกต่างขึ้นมา โดยเจาะกลุ่มสาว ๆ ที่ชื่นชอบความเป็นเกาหลี และได้ความรู้สึกว่าเราได้มีเพื่อนชาวเกาหลีมาเที่ยวเป็นเพื่อนนั่นเอง โดยจะขออธิบายคำว่า โอปป้า ซึ่งแปลว่า พี่ชาย ใช้สำหรับน้องสาวเรียกพี่ชาย หรือผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่าเรียกผู้ชายที่มีอายุมากกว่า และความหมายอีกนัยหนึ่ง คำว่าโอปป้า เป็นคำที่แฟนสาวชาวเกาหลีใช้เรียกแฟนหนุ่มของตัวเองได้ จึงเหมือนตีความออกมาได้สองความหมายแล้วแต่สถานะ

วิธีการเข้าไปเลือกโอปป้าก็แสนจะง่าย เราสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการ โดยทำการสมัครสมาชิกก่อนให้เรียบร้อย ในนั้นจะมีรูปถ่าย รายชื่อของโอปป้าและประวัติให้เราดูก่อน โดยแต่ละคนจะมีประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ภาษาที่สามารถสื่อสารได้ งานอดิเรก ส่วนสถานที่ต่าง ๆ สำหรับการนัดเจอกัน เช่น เราต้องการไปเที่ยว อิแทวอน สามารถนัดเจอได้ ตรงสถานีอิแทวอน ทางออกหมายเลข 1  ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 70 USD หรือประมาณ 2,240 บาท โดยยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นที่สาว ๆ จะต้องเป็นคนจ่ายเอง มีเวลากำหนดการจ้างที่แน่นอน คือ 2 ชั่วโมง 30 นาที หรือเราอยากไปที่อื่นนอกเหนือจากนี้ ก็ไม่มีปัญหา รวมทั้งถ้าอยากจ้างนานกว่าเวลาที่กำหนด ก็ย่อมได้ เป็นสายเปย์ทั้งที มีเงินก็จ้างไปได้เลย แต่ไม่ว่าจะจ้างโอปป้าคนไหน หรือจะไปไหน ก็จะต้องทำการจองก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน

ถ้าสาว ๆ คนไหนไม่สะดวกใจที่จะไปเที่ยวกับโอปป้า เค้าก็มีบริการ Unnie Service หรือ ออนนี่ ที่แปลว่า พี่สาว ให้เลือกพาเที่ยวด้วยเช่นกัน ซึ่งมีข้อจำกัดว่าต้องเป็นเฉพาะสาว ๆ เท่านั้นถึงจะใช้บริการออนนี่พาเที่ยวได้ เพราะฉะนั้นหนุ่ม ๆ อดไปตามระเบียบ

จะเห็นว่าการใช้บริการหาเพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นพาเราเที่ยวก็น่าสนใจดีเหมือนกันใช่ไหม ข้อดีแรกก็คือเรามั่นใจได้ว่านี่คืองานของเขา คนที่เราเลือกก็ย่อมผ่านการคัดกรองจากบริษัทมาอย่างดีแล้ว มีตัวตนที่น่าเชื่อถือได้ ข้อดีต่อมาคือเราอาจจะได้ความรู้และได้เดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่โดยมีเจ้าถิ่นที่เชี่ยวชาญพื้นที่พาไป และเผลอ ๆ เราก็อาจจะได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง เป็นโบนัส เป็นการได้แลกเปลี่ยนทัศนคติและประสบการณ์ของกันและกัน เป็นอีกหนึ่งสีสันของการเดินทางท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร แค่เราเปิดใจยอมรับและมองหาข้อดีที่เราได้รับเท่านั้นเอง

Icheon เมืองแห่งศิลปะ และตำนานเครื่องปั้นดินเผาโบราณแห่งเกาหลี

เมือง Icheon หรืออ่านว่า “อิชอน” เป็นเมืองที่คนชอบงานเครื่องปั้นดินเผา เซรามิค ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะ เมืองอิชอนขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคของราชวงศ์โชซอนแห่งเกาหลี ที่เหล่าช่างปั้นดินเผาฝีมือดีต่างแข่งขันกันส่งงานปั้นที่ดีที่สุดเข้าวังหลวงกันเลยทีเดียว

เหตุผลที่คุณควรมาเยือนเมืองอิชอนสักครั้ง นอกจากเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องงานปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมของเกาหลี ยังรวมงานฝีมือ และศิลปะด้านอื่น ๆ ไว้ทั่วทั้งเมือง ที่นี่การันตีด้วยองค์การ UNESCO หรือองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ จากการเข้าร่วมเครือข่ายของ UNESCO’s Creative Cities Network เป็นเมืองแรก และยังได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประกวดงานปั้นเซรามิคในหลาย ๆ งาน จนถูกยกให้เป็นเมืองประธานแห่งแผนกหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านในปี 2018

Yes Park สวนแห่งพรสวรรค์ และความภาคภูมิใจในศิลปะ

“Ye” ซึ่งแปลว่า “ทักษะ” หรือ “พรสวรรค์” Ye’s Park จึงถูกสร้างขึ้นมา เปรียบเสมือนแกลเลอรีขนาดใหญ่มหึมาของเมืองอิชอน เป็นหมู่บ้านที่มีเวิร์กชอปสำหรับงานหัตถกรรมถึงสองร้อยกว่าแห่ง อาจจะมีเดินหลงเมืองกันบ้างล่ะ ที่นี่มีแกลเลอรีงานเซรามิค งานไม้ เฟอร์นิเจอร์แบบวินเทจ ภาพวาด ประติมากรรม ฯลฯ เอาเป็นว่ารวมแหล่งงานศิลปะไว้เกือบทั้งหมด สายอาร์ตที่หลงใหลในศิลปะ ต้องการมาที่ Ye’s Park ควรวางแผนจัดเวลาไว้ให้ดี เพราะการจัดเวิร์กชอปของที่นี่มีโปรแกรมที่น่าสนใจมากมายให้คุณมาฝึกสร้างสรรค์ผลงานกับศิลปินท้องถิ่นตัวจริงเสียงจริงที่มีฝีมือขั้นเทพ

สำหรับผู้ที่อยากดื่มด่ำกับงานศิลปะให้จุใจ แกลเลอรีหรือเวิร์กชอปบางแห่งมีห้องรับรองสำหรับแขกผู้มาเยือนด้วย ภายใต้แนวคิด “Artstay” เก๋ไปอีกไหมล่ะ เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ทำงานแต่เป็นบ้านของศิลปินอีกด้วย คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ได้สัมผัสวิธีการทำงาน และวิถีชีวิตของศิลปินท้องถิ่นแห่งเมืองอิชอน ซึ่งหาได้ยากและเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ

ในเมื่อเมืองอิชอนถูกแต่งตั้งให้เป็นท่านประธานแห่งงานศิลปะหัตถกรรมแล้ว ก็ต้องจัดเต็มให้สมศักดิ์ศรี เพราะที่นี่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลต่าง ๆ อีกมากมาย Ye’s Park ยังมีชื่อของสวนสาธารณะที่แบ่งออกเป็นสวนต่าง ๆ ตามธีมงาน เช่น Gama Village, Hoerang Village, Café Street และสวนอื่น ๆ โดยแต่ละส่วนมีตลาดนัดและงานเทศกาลที่มีความสนุกและมีชีวิตชีวามากทีเดียว ยังไม่พอ สถานที่นี้ยังมีการจัดงาน National Acoustic Guitar Festival สำหรับคนชอบดนตรีขึ้นในเดือนมิถุนายน และงานเทศกาลฤดูร้อนของเกาหลีในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม มีสถานที่ตั้งแคมป์สำหรับครอบครัว จัดเต็มกันขนาดนี้ สายเที่ยวจะพลาดได้ไง

มีของแถมส่งท้ายสำหรับคนที่ชอบหิมะและกีฬาแอดเวนเจอร์ เมืองอิชอนยังมีรีสอร์ทที่ให้คุณได้มาลองเล่นสกี นั่นคือ Jisan Resort Forest ซึ่งเปิดในช่วงหน้าหนาวหรือตั้งแต่เดือนธันวาคม ราคาค่าเล่นสกีนั้นก็แสนจะถูก ไม่เกิน 30,000 วอน เล่นได้ทั้งวัน มีรถบัสของทางรีสอร์ทรับ – ส่ง ฟรีจากโซลมายัง Jisan และเมืองใกล้เคียง ขอบอกอีกนิดว่าการเดินทางจากโซลมายังเมืองอิชอน ยังสามารถนั่งรถบัสจากสนามบินอินชอนได้เลยโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ แต่ไม่ฟรี แต่มาเที่ยวทั้งทีได้ครบ ทั้งความรู้ งานศิลปะ วัฒนธรรมพื้นเมือง แถมได้เล่นสกี สัมผัสหิมะแบบ ฟิน ๆ กันไปเลย ใครที่มองหาตัวเลือกไว้ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากโซล อย่าลืมเก็บเมือง อิชอน ไว้ในทริปครั้งหน้าของคุณกันด้วยล่ะ

ทริปนี้เน้นกิน เช็คอินให้โลกรู้ กับ 8 คาเฟ่ ร้านดังในกรุงโซล

ถ้าจะพูดถึงเมืองท่องเที่ยวสุดชิค โดนใจวัยรุ่นสายชิล ก็ต้องยกให้กรุงโซล ประเทศเกาหลีมาเป็นอันดับต้น ๆ กรุงโซลเป็นเมืองใหญ่และมีสถานที่สวยเก๋ น่าไปถ่ายรูปอยู่เต็มไปหมด อย่างร้านคาเฟ่และขนมที่เอาใจสายหวาน หรือคนชอบกินขนม จะต้องตามไปเก็บร้านให้ครบ บางคนถึงกับต้องกลับไปเที่ยวอีกหลายรอบ เพราะคาเฟ่น่ารักมีอยู่เต็มไปหมด แต่ละร้านก็พยายามสร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ ดีไซน์ร้านออกมาเพื่อแสดงเอกลักษณ์ของตัวเองกันอย่างเต็มที่ เหล่าฮิปสเตอร์ สายชิค สายคาเฟ่ฮอปปิ้ง ไม่น่าจะอดใจไหว ทริปนี้เน้นกินของหวาน มาถ่ายรูป เช็คอินให้โลกรู้ กับ 8 คาเฟ่ร้านดังในกรุงโซล

1.ZAPANGI อ่านว่า ซาพันกี ร้านที่มีแต่ความน่ารักเต็มไปหมด สีพาสเทลมุ้งมิ้งสดใส ความเก๋คือตั้งแต่ประตูทางเข้าที่ออกแบบเหมือนตู้กดน้ำสีชมพู ขนมเค้กที่นี่เน้นสีสันน่ารัก เสิร์ฟมาในกระป๋อง เครื่องดื่มตกแต่งวิปครีมสีรุ้ง เอาใจสายหวานฟรุ้งฟริ้งกันสุด ๆ

พิกัด : Mangwon-dong,Mapo-go Station ทางออก 2

2.Pink Pool Cafe ความหวานยังไม่หมดเท่านี้ มาเสิร์ฟต่อกับร้านที่สอง คาเฟ่ที่ให้อารมณ์เหมือนนั่งทานขนมอยู่ข้างสระว่ายน้ำแบบชิล ๆ เมนูเด็ดของร้าน คือสายไหมสีพาสเทลฟูฟ่องที่เสิร์ฟมาในแก้วเครื่องดื่มแบบแชมเปญ

พิกัด : Stylenanda Myeongdong, ชั้น 5-6

3.Paulin Pancake Coffee เอาใจคนรักแพนเค้กเด้งดึ๋ง นุ่ม ๆ สไตล์ Souffle เมนูต้องลอง คือ Earl Grey Souffle Pancake โรยด้วยถั่วและแอปเปิลคาราเมล

พิกัด : Hongik University ทางออก 9

4.Cafe Onion ถ้าอยากได้ฟีลหมู่บ้านโบราณของเกาหลีให้มาที่นี่ ตั้งอยู่ที่อินซาดง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังคย็องบกกุง (Gyeongbokgung Palace) อันเก่าแก่ ที่คนนิยมมาเที่ยว เดินชมวังเสร็จจะมานั่งพักทานขนมปังแบบต่าง ๆ ที่เป็น Signature ของทางร้าน พร้อมจิบชา น่าจะให้ความรู้สึกดีมากเชียวล่ะ

พิกัด : สถานี Anguk ทางออก 2-3

5.Cafe Skon คาเฟ่สไตล์โมเดิร์น โทนขาวสบายตา แต่มีสีสันของการตกแต่งร้านแบบสนุก ๆ ขนมเด็ดของร้านคือ Lemon Cake และคุ้กกี้ ทานคู่กับเครื่องดื่มหลากหลายเมนูของร้าน

พิกัด : สถานี Hongik University ทางออก 3

6.C.Through Café สายคาเฟ่ตัวจริงที่หลงงานศิลปะบนถ้วยกาแฟต้องกรี๊ด เครื่องดื่มที่เป็น Signature คือ Creamart เป็นกาแฟลาเต้ที่บาริสต้าจะมีลูกเล่นวาดลวดลายน่ารัก ๆ ลงไป กาแฟงานดีแล้ว แต่บาริสต้างานดีมาก สายโอปป้าอย่าได้พลาด แต่ถ้าไม่ดื่มกาแฟจะเปลี่ยนเป็นนมวานิลลาแทนก็ได้ เมนูเด่นอีกตัวคือ Caramelting เป็นคัสตาร์สชูครีมวางบนกาแฟร้อน วิธีกินจะต้องหั่นชูครีมเป็นชิ้นแล้วจุ่มลงไปในกาแฟทานทีละคำ

พิกัด :403-3, Itaewon-dong, Yongsan-gu

7.Florte Flower Café คาเฟ่สุดหวานหวานท่ามกลางสวนดอกไม้ การตกแต่งด้วยสไตล์บ้านสวนวินเทจกลางกรุงโซล มีความสวยหวานไปทุกมุม สำหรับสาว ๆ ที่ชอบดอกไม้ คุณจะพบแต่ความฟรุ้งฟริ้ง ทั้งขนมอร่อยที่เสิร์ฟมาพร้อมดอกไม้เข้าธีมร้านเลยทีเดียว

พิกัด : Hongik University station ทางออก 6

8.Mangwondong Tiramisu คนรักขนมหวานทีรามิสุ จะต้องฟินกันสุด ๆ เพราะร้านนี้ขึ้นชื่อมาก ทีรามิสุเนื้อเนียนนุ่มมาก แถมยังมีหลายรสชาติ เช่น ทีรามิสุชาเขียว บลูเบอร์รี่ สตอร์เบอร์รี่ บรรยายมาขนาดนี้ สายทีรามิสุจะต้านไหวหรอ

พิกัด : สถานี Hongik University ทางออก 3

เสิร์ฟคาเฟ่ทั้ง 8 ร้าน มาให้แบบเน้น ๆ เอาใจสายหวานและสายฮิปสเตอร์กันขนาดนี้ ต้องห้ามพลาด ครั้งหน้าใครไปเที่ยวโซล อย่าลืมไปกินขนม ถ่ายรูปฟิน ๆ เช็คอินให้ครบจุใจไปเลย

10 เมืองท่องเที่ยว แบ็คแพ็คไปลุยคนเดียวก็สนุกได้ การันตีว่าปลอดภัยมากที่สุดในโลก

การออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแบบลุยเดี่ยว ดูเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็กล้าทำกันมากขึ้นในสมัยนี้ ส่วนอีกหลายคนคิดอยากจะไปคนเดียวแต่ไม่กล้า เรื่องที่น่าห่วงมากที่สุดคงเป็นเรื่องของความปลอดภัยของตัวเอง โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่แม้จะคิดว่าตัวเองเป็นสาวแกร่งแค่ไหน ก็ต้องมีความกังวลกันบ้าง แต่ปัจจุบันมีเมืองท่องเที่ยวหลายเมืองที่การันตีได้ในเรื่องของความปลอดภัยมากที่สุดในโลก เพื่อให้นักเดินทางที่อยากเริ่มต้นลุยเดี่ยวแบบสบายใจ แทนที่จะกลัวจนหมดสนุก เราลองเลือกเมืองที่เหมาะสม แล้วออกไปท่องโลกกันเถอะ

10 เมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับความปลอดภัยสูงสุด มีคะแนนการันตี เที่ยวได้สบายใจ

จากการรวบรวมข้อมูลของเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อจัดอันดับของความปลอดภัย ของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ในปี 2019 นั้น โดยสรุปออกมาเป็นภาพรวม คือ ความปลอดภัยส่วนบุคคล สุขภาพ สาธารณูปโภคพื้นฐาน และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหรือด้านดิจิตอล เริ่มจากอันดับความปลอดภัยสูงสุด ที่มีคะแนนรวมจากมากที่สุด

อันดับที่ 1 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

แชมป์ของเมืองที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลก ในทวีปเอเชียแปซิฟิก ตกเป็นของเมืองโตเกียว ได้คะแนนรวม 92 คะแนน ชนะแบบไม่ต้องสงสัยเพราะเราเห็นระบบต่าง ๆ เช่น การรับมือกับการเกิดแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นแม้จะมีอาคารขนาดใหญ่ในเมืองมากมาย รวมถึงความปลอดภัยส่วนบุคคล ไปเที่ยวโตเกียวถึงไปคนเดียวก็เที่ยวสบายหายห่วง

อันดับที่ 2 สิงคโปร์

คะแนนรวม 91.5 การันตีว่าสิงคโปร์เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวคนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี การเดินทางในเมืองสิงคโปร์สะดวกมาก อยากลองออกเดินทางคนเดียว ลองไปลุยที่นี่ก่อนได้ แหล่งท่องเที่ยวมีคุณภาพและปลอดภัยไม่แพ้อันดับ 1 เลย

อันดับที่ 3 โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

วกกลับมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกรอบ แต่เปลี่ยนเป็นเมืองโอซาก้า ที่ได้คะแนนความปลอดภัยรวมไป 90.5 โอซาก้านั้นสวยงาม น่าเที่ยว ขอแค่เตรียมแผนการเดินทางให้พร้อม กายพร้อม ใจพร้อม เตรียมบินไปโอซาก้ากันได้เลย

อันดับที่ 4 อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์

ไปฝั่งยุโรปกับเมือง อัมสเตอร์ดัม คะแนนรวม 88 คะแนน เลขสวยซะด้วย สมกับเป็นเมืองแห่งมรดกโลก เมืองเล็ก ๆ แต่ปลอดภัยและมีประวัติศาสตร์เก่าแก่สวยงามอีกเมืองหนึ่ง ถึงจะดูไกลไปสำหรับนักเดินทางมือใหม่ แต่เมื่อมั่นใจว่าอยากไปเที่ยวที่นี่แล้ว อย่ารีรอ

อันดับที่ 5 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

เมืองปลอดภัย Top 5 ที่ได้คะแนนรวมไป 87.9 คะแนน ซิดนีย์เป็นประเทศที่จัดอยู่ในทวีปเอเชียแปซิฟิก เมืองแห่งความมีชีวิตชีวา อีกเมืองหนึ่งที่น่าไปเที่ยว การันตีด้วยความปลอดภัยส่วนบุคคลและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี

อันดับที่ 6 โตรอนโต ประเทศแคนาดา

คะแนนรวมสูสีกับเมืองซิดนีย์ ห่างกันเพียง 0.1 เท่านั้น โตรอนโตได้คะแนนไป 87.8 เมืองแห่งความปลอดภัยที่สุดและสะอาดที่สุดในอเมริกาเหนือ เสน่ห์ที่น่ารักของโตรอนโตคือผู้คนที่นี่เป็นมิตรมาก ถึงแม้จะรั้งอันดับที่ 6 แต่ความน่าเที่ยวของเมืองนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองอื่น ๆ เลย

อันดับที่ 7 วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

เมืองต้นกำเนิดของประชาธิปไตย และเป็นจุดศูนย์กลางทางการเมือง รวมถึงประวัติศาสตร์ของอเมริกา คะแนนรวมที่ได้คือ 87.6 คะแนน จุดเด่นที่น่าท่องเที่ยวของเมืองวอชิงตัน ดี.ซี.คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ อนุสรณ์สถานต่าง ๆ ที่มีอยู่เต็มไปหมด

อันดับที่ 8 โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

โคเปนเฮเกน ได้คะแนนรวมไป 87.4 คะแนน เมืองในเทพนิยายที่ผู้คนขนานนาม เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่น่าสนใจ ว่ากันว่าใครได้ไปเที่ยวก็เหมือนดั่งต้องมนต์ ถึงจะอยู่ในอันดับ 7 แต่ความปลอดภัยสูงไม่ได้น้อยไปกว่าเมืองไหน ใครจะแบกเป้เที่ยว ลุยเดี่ยวเมืองนี้ก่อนก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

อันดับที่ 9 โซล ประเทศเกาหลีใต้

เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยว คะแนนรวมอยู่ที่ 87.4 แต่โซลขึ้นชื่อในเรื่องความปลอดภัยมากสุด ๆ เช่นกัน เนื่องจากมีกฎระเบียบและกฎหมายที่เข้มข้นจริงจัง ผู้คนมีวินัย มีแหล่งท่องเที่ยวเอาใจวัยรุ่นมากมาย อาหารการกินก็อร่อย หากอยากจะลองตะลุยโซลคนเดียว จะมัวรออะไร รู้แบบนี้ สาว ๆ สบายใจลุยเดี่ยวได้เลย

อันดับที่ 10 เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

วกกลับมาที่ออสเตรเลียกันอีกครั้ง ได้คะแนน 87.4 เท่ากับโซล เมลเบิร์นเป็นเมืองสวยงามน่าไปมาก และอากาศดี ช่วงที่น่าเที่ยวคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือเดือนเมษายน อากาศจะไม่หนาวมากหรือร้อนมากจนเกินไป

พอจะตัดสินใจกันได้แล้วใช่ไหมสำหรับนักเดินทางมือใหม่ที่อยากจะท้าทายตัวเอง แม้แต่ละเมืองจะถูกจัดอันดับความปลอดภัยมาให้สบายใจกันระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็ควรเตรียมตัว ศึกษากฎ ระเบียบ ของเมืองต่าง ๆ ที่เราจะไปให้ดีก่อนด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดหวังไว้ จะได้มีข้อมูลช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น อย่าลืมว่าความปลอดภัยของตัวเรานั้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

คนโสดต้องลุย เตรียมบินไปไหว้ขอแฟน 4 วัด 4 ประเทศ อยากลงจากคาน จะรอช้าได้ไง

สาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ คนไหนบ่นว่าโสด เหงา อยากมีแฟนมาตลอด จะทนเหงากันอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ อยากมีแฟนมาทางนี้ เรามีวิธีให้คนโสดลงจากคาน ส่วนคนที่เพิ่งอกหักจงปาดน้ำตาแล้วเดินหน้าเตรียมเก็บกระเป๋าบินไปขอคู่กันเลย เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเลยดีกว่า กับ 4 วัดศักดิ์สิทธิ์ในประเทศเอเชีย อยู่ใกล้ไทย ไปง่าย พร้อมวิธีขอพรที่ถูกต้อง ขอยังไงให้ได้ลงจากคาน

4 วัดศักดิ์สิทธิ์ สำหรับคนโสด ที่ต้องไปขอเนื้อคู่ ขอแล้วได้แฟนจริง

วัด เยี่ยไห่ชิง (Yueh Hai Ching Temple) ประเทศสิงคโปร์ เริ่มจากที่นี่กันก่อนเลยจากกรุงเทพ ฯ บินไป สิงคโปร์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง วัดนี้ถูกขนานนามว่า “The Love Temple” เพราะคนที่เคยมาขอพรที่วัดนี้ต่างสมหวังในความรักกันมากมาย วิธีขอคือต้องขอกับเทพเจ้า “Elder Of Moon” โดยนำด้ายสีแดงไปคล้องไว้ที่องค์เทพเจ้าและอธิษฐานขอเรื่องคู่

การเดินทาง : MRT สถานี Raffles Place ทางออก D

วัด หวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) ฮ่องกง วัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการขอเนื้อคู่ ภายในวัดมีเทพเจ้าหยกโหลว หรือเทพเจ้าด้ายแดง เป็นรูปปั้นเทพเจ้าสีทองถือสมุดเนื้อคู่อยู่ตรงกลางระหว่างรูปปั้นเจ้าสาว และรูปปั้นเจ้าบ่าว และมีด้ายแดงโยงไปที่เทพเจ้าหยอกโหลว การขอพรจะต้องใช้ด้ายแดงผูกนิ้วเอาไว้ ในระหว่างทำพิธีห้ามไม่ให้ด้ายแดงนี้หลุดออกจากมือเด็ดขาด การขอพรที่ถูกต้องมีวิธีดังนี้

ผู้หญิง ให้ไหว้ที่เทพเจ้าหยกโหลว 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าสาว (ทางซ้ายมือ) อธิษฐานขอคู่ที่เจ้าสาว เสร็จแล้วไหว้ 3 ครั้ง แล้วเดินไปทางรูปปั้นเข้าบ่าว (ทางขวามือ) ใช้มือลูบเท้าเจ้าบ่าว 3 ครั้ง หลังจากนั้นให้ปล่อยด้ายแดงออกได้ และผูกด้ายแดงไว้กับเชือกเป็นอันเสร็จพิธี

ผู้ชาย ไหว้เทพเจ้าหยกโหลว 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าบ่าวก่อน อธิษฐานขอคู่ แล้วไหว้อีก 3 ครั้ง จากนั้นเดินไปที่รูปปั้นเจ้าสาว ใช้มือลูบที่เท้าเจ้าสาว 3 ครั้ง แล้วปล่อยมือออกจากกันได้และจึงผูกด้ายแดงไว้ที่เชือก

การเดินทาง : MRT สถานี Wong Tai Sin ทางออก B2

วัดหลงซาน เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน จากกรุงเทพบินไปไต้หวันใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง วัดเก่าแก่ของไต้หวันที่มีชื่อเสียง คนโสดมาขอพรเรื่องความรักกันที่วัดแห่งนี้ต่างก็สมหวังกันมาเยอะ รู้แบบนี้ต้องรีบมา และวิธีไหว้ขอพรที่ถูกต้องคือต้องไหว้กับเทพเฒ่าจันทรา โดยให้หยิบไม้สีแดงรูปพระจันทร์เสี้ยว หรือเรียกกันว่า “เซ้งปวย” ประกบคู่ไว้ในมือ แล้วบอก ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด ของเรา โดยจะต้องบอกอย่างละเอียด แล้วอธิษฐานขอคู่ ใครมีสเปคแฟนไว้แบบไหน รูปร่าง หน้าตา นิสัยที่อยากได้ ให้บอกให้หมด อย่าเขินอาย ไปขนาดนี้แล้ว ต้องขอให้จริงจัง

จากนั้นก็เป็นการถามเรื่องความรักที่เราอธิษฐานไปเพื่อขอด้ายแดงจากเทพเฒ่าจันทราด้วยการโยนไม้เสี่ยงทาย จะต้องโยนไม้ 3 ครั้ง และไม้จะต้องออกมารูปแบบ คว่ำ 1 อัน หงาย 1 อัน แบบนี้ติดกัน 3 ครั้ง แบบนี้ถือว่าสำเร็จ จึงจะสามารถหยิบด้ายแดงออกมาได้เพื่อนำไปวนที่กระถางธูป 3 รอบ และจะต้องวนตามเข็มนาฬิกาเท่านั้น เชื่อว่าด้ายแดงนี้จะไปผูกคนที่เป็นเนื้อคู่เราให้มาเจอกัน

หากเราโยนไม้เสี่ยงทายออกเป็นรูปแบบคว่ำทั้งสองอันในรอบใดรอบหนึ่ง จะหมดสิทธิ์โยนต่อ แปลว่า ไม่ได้ แต่ถ้าไม้หงายทั้งสองอัน มีความหมายว่าไม่รู้ หรือไม่แน่ใจ สามารถโยนไม้เสี่ยงทายใหม่ได้ โดยนับรอบใหม่ให้ครบ 3 ครั้ง ขั้นตอนนี้ขอให้ตั้งใจ เพราะนี่หมายถึงคำตอบว่าคุณจะได้คู่หรือไม่

การเดินทาง : MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Longshan Temple ทางออก 1

ศาลเจ้า โตเกียว ไดจินกู (Tokyo Daijingu) ประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่หนุ่มสาวโสดชาวญี่ปุ่นยกให้เป็นอันดับหนึ่งในการมาขอพรเรื่องความรัก การันตีด้วยการที่มีเหล่าบรรดาคนโสดหลั่งไหลกันมาขอพรที่นี่ไม่ขาดสาย วิธีการขอพรนั้นไม่ยุ่งยาก ก่อนอื่นให้เดินไปยังจุดล้างมือ เพื่อตักน้ำรดมือทั้ง 2 ข้างเพื่อเป็นการชำระล้างร่างกายและจิตใจเราก่อนทำการอธิษฐาน ให้โยนเหรียญเพื่อเป็นเหมือนการบริจาคให้ศาลเจ้า แล้วโค้งคำนับ 2 ครั้ง ประกบมือทั้ง 2 ข้างแล้วปรบมือ 2 ครั้งให้เกิดเสียง เชื่อว่าเป็นการทำให้เทพเจ้ารับรู้ว่าเรากำลังมาขอพร เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วให้โค้งคำนับ 1 ครั้ง ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เครื่องรางต่าง ๆ ไอเทมที่ได้รับความนิยมมาก ๆ คือ “เครื่องรางเทพเจ้าผูกรัก Enmusubi” และยังมีเครื่องรางอื่น ๆ มีให้เลือกสำหรับเก็บไปบูชา หรือเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย เอาเป็นว่าเลือกกันได้ตามอัธยาศัยและความศรัทธาก็แล้วกัน

การเดินทาง : MRT สถานี Idabashi ทางออก A4 หรือ นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Idabishi ทางออก West

รู้พิกัดกันขนาดนี้แล้ว คนโสดควรลุย เดินหน้าไปต่อได้เลยสวย ๆ เรื่องความรักเป็นเรื่องธรรมชาติของคนทุกคน และการไปขอพรนั้น ไม่จำเป็นจะต้องขอเรื่องเนื้อคู่เพียงอย่างเดียว ใครอยากขอเรื่องสุขภาพ การงาน หรือเรื่องใดก็ตามก็สามารถอธิษฐานได้ทุกเรื่อง หากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อเราให้ความเคารพสถานที่และมีจิตใจศรัทธา รวมทั้งปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรมเสมอ เชื่อว่าท่านย่อมให้สิ่งดี ๆ ตอบแทนเราแน่นอน

เสน่หาบาหลี สวรรค์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีดินแดนให้เราค้นหาอีกมากมาย ภูมิภาคนี้ของเอเชียเต็มไปด้วยความแตกต่าง หลากหลาย และหลอมรวมวัฒนธรรมที่แตกต่างให้ผสมกลมกลืน เปรียบเหมือนสีต่าง ๆ ที่แม้ยังไม่ผสมกันได้สนิทเนียนเป็นสีเดียวกัน แต่ภายใต้สีสันที่หลากหลายกลับกลายเป็นภาพวาดแบบแอบสแตกให้เห็นเป็นมุมมองที่ต่างกัน แล้วแต่ใครจะตีความ เฉกเช่น บาหลี เกาะเล็กแต่ทรงพลังของวัฒนธรรม ที่ยังคงยึดถือตามแบบคติพราหมณ์ฮินดูในแบบฉบับของตนเอง ท่ามกลางความแตกต่างทางศาสนาของชาติตนเอง แต่ความแตกต่างนั้นก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสืบมา

บาหลี เหมือนมีมนตราบางอย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายทั้งภูเขา น้ำตก ทะเล รวมถึงเทวสถานต่าง ๆ ที่เที่ยวครั้งเดียวเก็บได้ไม่หมดแน่ ๆ ในส่วนของการท่องเที่ยวหากท่านชำนาญการขับรถก็สามารถขับรถยนต์เองได้เลย หรือไม่เช่นนั้นจะเช่าไกค์นำเที่ยวพร้อมกับขับรถด้วยก็มีบริการหลายแห่งให้เลือก

วัดปุราเบซากิห์ (Pura Besakih Temple) วัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของบาหลีมีเจดีย์มากมายตั้งอยู่ตามริมไหล่เขา และมีภูเขาไฟกูนุอากงอยู่ด้านหลังของเหล่าเจดีย์ซึ่งเรียงตัวกันสวยงาม การเดินขึ้นชมวัดแห่งนี้อาจจะเหนื่อย แต่หากเราค่อย ๆ เดินสัมผัสกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมและทักทายชาวบ้านที่ทูนสิ่งของไว้บนศรีษะเพื่อนำไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ทำให้คลายเหนื่อยได้มากทีเดียว

ต่อจากนั้นเดินทางไม่มีเบื่อกับวิวข้างทางสีเขียวเพลินตา และชมบ้านเรือนที่เหมือนผ่านนิทรรศการเคลื่อนที่ตลอดเวลาไปยัง วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์หรือวัดเทมภักสิริงค์ ที่มีน้ำพุธรรมชาติผุดขึ้นจากตาน้ำใต้ดิน ซึ่งชาวบาหลีนิยมลงมาอาบหรือดื่มกินเพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป นักท่องเที่ยวอย่างเราอยากทำตามหรือไม่ ต้องเคารพสถานที่โดยไม่หลบหลู่ความเชื่อของคนพื้นเมืองเด็ดขาด

ล่องใต้ลงสู่ทะเลด้วยการชมวัดทานาล็อต ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าแห่งท้องทะเล นอกจากความสวยงามของสถานที่แล้ว วัดทานาล็อตยังเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกที่หนึ่งของเกาะบาหลี นอกจากนี้ยังสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้อีกที่ได้แก่วัดอูลูวาตู ที่จะเห็นน้ำทะเลซัดหน้าผาสูงโค้ง และระหว่างรอชมพระอาทิตย์ตกดินยังมีการแสดง Kecak Dance การเต้นพื้นเมืองที่ตื่นตาตื่นใจ เพราะการแสดงเป็นธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันแบบชิดขอบเวทีเลยทีเดียว

สุดท้ายยามค่ำคืน บาหลีมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยร้านของที่ระลึกร้านใหญ่บางร้านเปิดบริการแบบ 24 ชั่วโมง เนื่องด้วยบางครั้งสถานที่แต่ละสถานที่ไกลกัน อาจทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาซื้อของฝากไม่ทัน ทำให้นักท่องเที่ยวพลาดของฝากพื้นเมืองได้ ร้านของฝากบางร้านจึงอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวนับเป็นจุดขายและใส่ใจรายละเอียดที่ดีมากสำหรับการท่องเที่ยวบาหลี ที่ทำให้ผู้มาเยือนประทับใจ

สิงคโปร์ สร้างการท่องเที่ยวด้วยมันสมองและสองมือ

ประเทศที่เล็กที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากไม่แพ้ประเทศใหญ่ ๆ จากที่ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย จนสร้างให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ ด้วยการใช้สมองสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ความคิดสร้างสรรค์” ให้เกิดจินตนาการผ่านแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของประเทศที่แม้แต่สนามบินก็สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักได้

สนามบินชางงีเปิดตัวห้างสุดหรู “Jewel Changi Airport” ที่มีสินค้าแบรนด์ระดับโลกให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นหลักในห้างสรรพสินค้านี้ที่สามารถละสายตาจากการเลือกชมสินค้าต่าง ๆ ได้ นั่นคือ น้ำตกในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Rain Vortex) ที่ทำให้ทุกคนต้องหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าได้มาถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ใหม่สุดของสิงคโปร์แล้ว นอกจากนี้หากใครพอมีเวลาต้องรอชมการแสดงแสง สี เสียงของน้ำตกยักษ์แห่งนี้ได้โดยมีตารางบอกไว้ถึงรอบการแสดงอย่างชัดเจน

ถัดจากสนามบินชางงีเล็กน้อยใครที่อยากเห็นชายหาดและทะเลของสิงคโปร์แนะนำให้เดินทางมายัง East Coast Park ที่มีทั้งสวนสาธารณะ สนามหญ้า ถนนสำหรับปั่นจักรยาน หรือหากท่านใดสนใจกิจกรรมทางน้ำ เช่น สกีน้ำ ก็มีอุปกรณ์ให้เช่าเล่นได้ ส่วนใครที่มาเป็นคู่รักการได้นอนฟังเสียงคลื่นและการตั้งแคมป์เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อได้ถ่ายภาพลงโซเชียลทุกคนต้องตะลึงถามติดตามว่าได้มาจากส่วนไหนของสิงคโปร์

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ย่านอาหารที่นักท่องเที่ยวนึกถึงคงหนีไม่พ้นย่านของคนจีน ไชน่าทาวน์ที่สิงคโปร์ก็ตอบโจทย์ใหญ่ทางด้านการกินได้ไม่แพ้ไชน่าทาวน์จากทุกมุมโลก การได้เดินทะลุซอยเล็กซอยน้อยเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินไชน่าทาวน์ของที่นี่ นอกจากจะมีของฝากราคาถูกยังมีอาหารหลากหลายให้เลือก เช่น ข้าวมันไก่ ผัดหมี่ต่าง ๆ ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น เมื่อท้องอิ่มลองเดินลัดเลาะอีกนิดเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับวัดพระเขี้ยวแก้วที่เป็นสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว ของพระพุทธเจ้าให้สักการะบูชาเป็นสิริมงคลต่อตนเองอีกด้วย

สุดท้ายหากมีเวลาลองไปเดินเล่นรอบ ๆ มารีน่าเบย์ ถ่ายรูปเล่นกับสิงโตพ่นน้ำ หรือเมอร์ไลออน (Merlion) สัญลักษณ์สำคัญของประเทศ และชมวิวอลังการฉากหลังจาก Marina Bay Sands ที่พร้อมใจกันแสดงแสงสีสียงในทุกค่ำคืน นอกจากนี้ลองเดินไปเรื่อย ๆ จะพบกับ สะพานเกลียว ฮีลิกซ์ (Helix Bridge) ที่เดินถ่ายรูปเล่นและยังมีวิวของชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer ที่เห็นเป็นฉากหลังระหว่างตึกเรือ Marina Bay Sands และ Garden by the Bay อีกมุมหนึ่ง นอกจากนี้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีโชว์ต่าง ๆ โดยรอบให้ได้สนุกสนานกันตลอดนอกจากนี้ของกินเล่นต่าง ๆ ก็มีร้านขายอยู่ข้างทางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเวลาน้อยแต่เที่ยวได้คุ้มค่าทั้งวัน อีกทั้งการเดินเล่นแล้วลองนับก้าวดูจะพบว่าเดินจนลืมเหนื่อยกันเลยทีเดียว

ฮัลล์สตัทท์ ทอดน่องชมเมืองและเหมืองเกลือ

เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก คงไม่ใช่การให้ค่าเมืองนี้มากเกินไป หากใครได้สัมผัสด้วยตาของตัวเอง เมืองฮัลล์สตัทท์ เมืองคุ้นตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมืองเล็ก ๆ และเงียบสงบอันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมือง ที่เมื่อนักท่องเที่ยวเดินลัดเลาะเลียบตามทางเรื่อย ๆ จะค่อย ๆ สงบคำพูดและใช้สายตาเพ่งมองทิวทัศน์ บ้านเรือนมากกว่าเปล่งเสียง เพื่อรับอาหารตาให้ไปสู่ความอิ่มใจ ที่สำคัญเมืองนี้สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ละฤดูก็ทำให้ความสวยงามเปลี่ยนไปตามฤดูนั้น ๆ และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการเข้าชมเมืองไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการเข้าชมทั้งสิ้น

การเดินทางท่องเที่ยวเมืองนี้มักจะใช้เวลาไม่นาน บางคนใช้เวลาเพียงวันเดียว บางครั้งถ้าทำเวลาให้เหมือนเป็นเมืองผ่านจะใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงก็สามารถเดินจนครบเมืองได้ หากมีเวลาและอยากเก็บภาพประทับใจแนะนำให้เดินไปที่จุดชมวิวบนภูเขาเกลือ (Salzberg) ซึ่งเป็นอีกจุดที่จะทำให้เห็นหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง และภาพของหมู่บ้านสะท้อนในน้ำเหมือนภาพวาดจากศิลปินธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวที่มีเวลามักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงเวลาที่สวยที่สุดของการอยู่ในเมืองนี้ ได้แก่ ช่วงเช้าที่ได้จิบกาแฟยามเช้าพร้อมกับชมวิวสวยที่ต้องเห็นด้วยตาตนเองไม่ใช่การมองผ่านกล้อง และช่วงกลางคืนที่จุดเทียนจิบไวน์กับบรรยากาศแสนโรแมนติก

สิ่งหนึ่งที่เป็นสถานที่สำคัญของเมืองได้แก่ เหมืองเกลือ โดยต้องเดินทางและเปลี่ยนชุดให้เหมือนเป็นคนงานเหมือง เดินตามทางไปเรื่อย ๆ โดยมีการบรรยายประกอบให้เห็นภาพเกลือที่โปร่งแสง วิวัฒนาการของเหมืองเกลือ นอกจากนี้ยังมีสไลด์เดอร์ให้ได้เล่นสนุกอีกด้วย ขากลับทางออกจากถ้ำจะให้นั่งรถรางขนส่งเกลือออกไป นับได้ว่าได้ความรู้เรื่องเหมืองเกลือและได้ความสนุกในการชมพิพิธภัณฑ์ในแต่ละห้องด้วย และอย่าลืมซื้อเกลือเป็นของฝากเวลาให้ผู้รับอีก ทั้งอย่าลืมกล่าวคำแบบไทยที่ว่าจงรักษาความดีให้เหมือนเกลือที่รักษาความเค็มด้วยจะทำให้ของฝากมีคุณค่ามากขึ้น

หลังจากเที่ยวชมเหมืองเกลือแล้วหากมีเวลาควรค่าอย่างยิ่งกับการทอดน่องชมเมืองอีกรอบอย่างไม่เร่งรีบ นั่งพักตั้งสติคิดใคร่ครวญชีวิตในโบสถ์กลางเมือง โบสถ์ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt Lutheran Church) โบสถ์ยอดแหลมแบบโกธิก (Gothic) ที่มียอดแหลมสูงตะหง่านเป็นจุดเด่นให้กับเมือง และสิ่งที่แปลกอีกหนึ่งอย่างได้แก่ในเมืองแห่งนี้มีโบสถ์ของทั้งสองนิกาย (โปรเตสแตนท์และคาธอลิก) อยู่ข้างกัน

สำหรับการเดินทางมายังเมืองนี้สามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถยนต์ ทางรถไฟแล้วต่อเรือ โดยการเดินทางแต่ละแบบก็จะได้บรรยากาศต่าง ๆ กัน แล้วแต่ความสะดวกและเวลาที่มีให้กับเมืองนี้ของนักท่องเที่ยวแต่ละคนที่จะอำนวย

“โอกินาวา” สัมผัสวัฒนธรรมริวกิว ชมถ้ำหินงอกหินย้อย ชิมอาหารทะเลสด

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นนั้นปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวในด่านสำคัญคือการไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ทำให้การเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจับต้องได้ง่ายกว่าเดิมมาก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตน อาหารที่อร่อยและเริ่มคุ้นชินกับคนไทยตามการเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทยมากขึ้น เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และเป็นแหล่งรวมสินค้าเพื่อการช้อปปิ้งที่สนุกแห่งหนึ่งของโลก

                “โอกินาวา” เมืองชายหาดและเป็นประตูทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ที่ตั้งของอาณาจักรริวกิวในอดีต มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย การเดินทางสะดวกหากทำใบขับขี่สากลจากประเทศไทยไปเพื่อเช่ารถขับเองจะสนุกไม่น้อย ขับง่ายเพราะคนญี่ปุ่นรักษากฎจราจรเป็นอย่างดี สำหรับการเดินทางเริ่มจากการชมมรดกโลกของเมืองโอกินาวา อันประกอบไปด้วย ปราสาทต่าง ๆ เช่น ปราสาทชูริ ปราสาทนะคะกุสุคุ ประสาทคะซึเร็น ประสาทซาคามิ และประสาทนาคิจิน

                “ Okinawa Churaumi Aquarium” อควาเรียมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก เพื่อชมฉลามวาฬยักษ์ที่ว่ายเวียนใน
อควาเรียมขนาดใหญ่เสมือนเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิตจริงแสดงให้ดู นอกจากนี้ในส่วนต่าง ๆ ยังให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตตัวเป็น ๆ ในโซน Touch Pool ที่ให้สัมผัสได้ทั้งปลาดาว และปลิงทะเล อควาเรียมที่นี่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาเรียนรู้ทรัพยากรทางทะเลที่ทั้งได้ความรู้และสนุกสนานไปด้วย

                “Gyokusendo” ถ้ำหินปูนอายุกว่าสามแสนปี ภาพแรกที่พบคือถ้ำอลังการและสวยงามมาก สามารถเดินเข้าไปได้ง่ายไม่เหนื่อยมาก เนื่องจากมีสะพานเหล็กราบไม่ชันมากตลอดเส้นทาง ระหว่างทางเดินจะพบกับหินงอกหินย้อยประดับไฟตกแต่งสวยงามทั้งตัวหินงอกหินย้อยและลำธารเล็ก ๆ ภายในถ้ำ หลังจากออกนอกถ้ำมีการจำลองวิถีชีวิตของชาวริวกิวให้นักท่องเที่ยวได้ชม มีพิพิธภัณฑ์งูฮาบุซึ่งเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงของโอกินาว่า การเดินเที่ยวชมทางสถานที่ได้จัดให้เดินตามเส้นทางได้สะดวก และเก็บบรรยากาศได้อย่างครบถ้วน

            หากจะกล่าวถึงอาหารของโอกินาวานั้นอาหารทะเลนับได้ว่าเป็นทีเด็ดของเกาะแห่งนี้ ที่ตลาด Makishi จะพบกับร้านขายอาหารทะเลสด ๆ ปรุงกันสด ๆ ให้ได้ชิมกันในชั้นบนของตลาด สามารถเลือกชิมตามเมนู อาหารทะเลของที่นี่โดยเฉพาะปลาสดหรือซาชิมิ ได้กลิ่นของทะเลในเนื้อปลากันเลยทีเดียว นอกจากนี้สินค้าที่เป็นของฝากยอดนิยมของโอกินาวาได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากมันม่วงโอกินาวาที่แปรรูปเป็นขนมหลากหลาย บรรจุภัณฑ์สวยงามและน่าหยิบจับไปเป็นของฝาก และแม้กระแสมันม่วงในประเทศไทยจะเป็นที่นิยมและหาทานได้ง่ายมากขึ้นแต่การได้มาลองทานในสถานที่ต้นกำเนิดเป็นอะไรที่คุ้มค่าน่าลองมาก