Month: November 2020

ไหว้พระ ขอพร นอนพักที่ลำพูน 1 คืน ทำให้อายุยืนอีก 1 ปี

ถ้าได้มานอนพักที่เมืองลำพูน 1 คืน จะทำให้เราอายุยืนขึ้นอีก 1 ปี แล้วมีเหตุผลอะไรหนอ ที่จะทำให้คำกล่าวนี้เป็นความจริง ขอเกริ่นก่อนว่าเมืองลำพูนนั้นเป็นเมืองที่เล็กที่สุดของภาคเหนือ ขนาดพื้นที่จังหวัดประมาณ 4,506 ตร.กม. เท่านั้น ลำพูนจึงเปรียบเสมือนเมืองรองที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาก่อน จนกระทั่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้สนับสนุนให้มีการเที่ยวเมืองรองในประเทศไทยมากขึ้น ลำพูนชูจุดเด่นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วิถีชีวิตแบบ Slow Life ของคนลำพูน ทำให้คนอยากมาท่องเที่ยวและรู้จักเมืองลำพูนมากขึ้น

ลำพูน หรือ นครหริภุญไชย เมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเก่าแก่ที่สุดของดินแดนล้านนา

จังหวัดลำพูน เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาราวปี พ.ศ. 1200 โดยฤาษีวาสุเทพ และได้อัญเชิญพระนางจามเทวีซึ่งเป็นพระธิดาแห่งเมืองละโว้มาปกครองนครหริภุญไชยเป็นพระองค์แรก และได้มีเจ้าผู้ครองนครหริภุญไชยปกครองสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงได้เปลี่ยนมาเป็นจังหวัดลำพูนจนถึงปัจจุบัน ลำพูนจึงมีโบราณสถาน ที่สำคัญเก่าแก่หลายแห่ง ซึ่งยืนยันถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดี และอธิบายอดีตความเป็นมาของเมืองลำพูนได้เป็นอย่างดี โดยขอนำเสนอสถานที่สำคัญที่ใครมาเที่ยวลำพูนแล้ว ท่านจะต้องแวะมาสักการะและขอพรสักครั้งหนึ่ง

วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร หรือ “วัดหลวง” ตามที่ชาวลำพูน ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูนมายาวนาน และยังเป็นหนึ่งใน “จอมเจดีย์แห่งสยาม” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีถนนล้อมรอบ 4 ทิศ มีองค์พระธาตุซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปี ระกา ภายในพระบรมธาตุหริภุญไชยบรรจุพระเกศบรมธาตุ บรรจุในโกศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์ และทุก ๆ ปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญไชย หรือประเพณี “แปดเป็ง” ที่หมายถึงคืนวันเพ็ญในเดือนแปด นับตามปฏิทินจันทรคติแบบล้านนา ซึ่งตรงกับเดือนพฤษภาคมของทุกปี เป็นพิธีที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ถึง 7 วัน 7 คืน ผู้คนที่มีศรัทธาทั้งคนท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงต่างหลั่งไหลมาที่นี่เพื่อร่วมงานประเพณี ส่วนความสวยงามขององค์พระธาตุ ฯ นั้น คงไม่สามารถบรรยายออกมาได้ทั้งหมดว่างดงาม วิจิตรตระการตามากเพียงใด ทุกท่านจะต้องมาสัมผัสด้วยตัวของท่านเอง

อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี สถานที่แห่งอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวี องค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ในประวัติของพระนางจามเทวี บางตอนกล่าวไว้ว่า พระนางจามเทวีได้นำขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ของละโว้เข้ามาเผยแพร่และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ในยุคนั้นพสกนิกรต่างมีใจศรัทธาช่วยกันสร้างวัดขึ้นมาถึง 2,000 แห่ง นครหริภุญไชยนั้นจึงมีความเจริญทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงประมาณต้นเดือนธันวาคมของทุกปี ทางจังหวัดจะจัดงานเพื่อสักการะพระนางจามเทวี โดยจัดเป็นขบวนแห่ทางประวัติศาสตร์ มีขบวนเครื่องราชสักการะแบบล้านนาอย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศที่นี่จะเย็นลงซึ่งเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวและยังได้ชมขบวนแห่ที่สวยงามอีกด้วย

วัดจามเทวี หรืออีกชื่อคือ วัดกู่กุด อีกหนึ่งวัดที่มีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดี เชื่อว่าพระราชโอรสของพระนางจามเทวี โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อถวายพระเพลิง ภายในวัดมีเจดีย์เหลี่ยมยอดหุ้มด้วยทอง เรียกว่าสุวรรณจังโกฏิ หรือ พระเจดีย์จามเทวี สร้างตามแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย ภายในบรรจุอัฐิของพระนางจามพระเทวี แต่ต่อมายอดพระเจดีย์ได้หักและหายไป ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ชาวบ้านจึงเรียกว่า กู่กุดพระเจดีย์ ภายในวัดจามเทวี ยังมีเจดีย์แปดเหลี่ยม ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไปอย่างสวยงาม ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก ๆ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนและของประเทศไทย

กู่ช้าง กู่ม้า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนลำพูนให้ความเคารพนับถือมากอีกแห่งหนึ่ง เพราะเป็นสุสานของช้างศึก และม้าศึก คู่บารมีของพระนางจามเทวี โดยเฉพาะ กู่ช้าง สร้างขึ้นเพื่อบรรจุซากพระยาช้างที่เรียกว่า “ปู่ก่ำงาเขียว” หมายถึงช้างสีคล้ำ งาสีเขียว ปู่ก่ำงาเขียวนั้นยามเมื่อออกศึกสงครามตามตำนานเล่าว่าแค่ช้างหันหน้าไปทางศัตรู ก็ทำให้ศัตรูอ่อนแรงลงได้ ด้วยเหตุผลที่ปู่ก่ำงาเขียวเป็นช้างที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ พระนางจามเทวีจึงโปรดให้สร้างเจดีย์ทรงสูงเพื่อครอบไว้ให้ปลายงาช้างชี้ขึ้นฟ้า จากฐานเจดีย์จึงเป็นฐานกลม ก่อด้วยอิฐสูงประมาณ 30 เมตร หากใครต้องการสมหวังในเรื่องใด ก็มักจะมาขอพรกันที่นี่ โดยในสมัยก่อนนั้น มีเคล็ดลับว่า ให้ผู้มาขอเก็บหินหรือก้อนอิฐเล็ก ๆ บริเวณฐานกู่ช้างเพื่อนำติดตัวไป และหากสมหวังได้ดังใจตามที่ขอพรแล้ว จะต้องนำหินนั้นกลับมาคืนไว้ตามเดิม หากใครไม่นำมาคืนก็อาจจะเกิดโชคร้ายไปตลอด ส่วนใหญ่แล้วชาวลำพูนมักจะให้ลูกหลานที่กำลังจะเดินทางไปสอบ เช่น สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือสมัครงาน หรือต้องเดินทางทำภาระกิจสำคัญ มาขอพรที่นี่กันอยู่เสมอ ส่วนกู่ม้า ตั้งอยู่ด้านหลังกู่ช้าง เชื่อว่าเป็นที่บรรจุซากม้าทรงของพระราชโอรสของพระนางจามเทวี เป็นที่ที่ชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากเช่นกัน

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของเมืองลำพูนนั้น ยังมีอยู่อีกหลายแห่ง ที่มีความเก่าแก่และมีความสำคัญไม่แพ้กัน ลำพูนยังมีวิถีชีวิตของชุมชนที่มีความเป็นอยู่เรียบง่าย เมืองยังมีความเงียบสงบ ผู้คนน่ารัก อัธยาศัยดี ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่รอยยิ้ม และมิตรไมตรีของผู้คนที่นี่ และนี่คงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่านอนพักที่ลำพูน เพียง 1 คืน จะทำให้อายุยืนอีก 1 ปี เปรียบเทียบแล้วน่าจะหมายถึงการเราได้มาท่องเที่ยวในเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีศิลปะ วัฒนธรรมที่สวยงาม และได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับความงามทั้งหมดนี้ ก็จะส่งผลให้จิตใจเราได้เติมเต็ม อิ่มเอมใจ พูดง่าย ๆ ว่าเกิดเป็นความสุขจากข้างใน และเมื่อมีความสุขจึงทำให้เรามีสุขภาพจิตดี อายุยืนขึ้นนั่นเอง

เที่ยวเกาหลี แบบวิถีสายเปย์ จ้างโอปป้าแล้วจะไปเที่ยวไหนก็ได้

โตแล้ว จะไปเที่ยวไหนก็ได้ จริงไหม แต่จะไปไหนก็ต้องใช้เงิน โดยเฉพาะการไปเที่ยวต่างประเทศในปัจจุบันที่การเดินทางไม่ได้ยุ่งยาก แถมยังมีข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมากมายให้ประกอบการตัดสินใจวางแผนก่อนเดินทางอีกต่างหาก และหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงไม่พ้นประเทศเกาหลีใต้ เพราะอิทธิพลจากซี่รี่ส์เกาหลี นักแสดง และนักร้องบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปทั้งหลาย ต่างดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากไปเกาหลี และตอนนี้ยังมีธุรกิจใหม่ที่ผุดขึ้นมาเอาใจสายเกาหลี โดยเฉพาะกับสาว ๆ  ธุรกิจจ้างโอปป้าพาเที่ยวจึงเกิดขึ้นมา สาว ๆ ที่ยังโสดและอยากไปเที่ยวเกาหลีคนเดียว การจ้างโอปป้าให้เป็นเพื่อนเที่ยวจึงเป็นวิธีที่ไม่ควรมองข้าม และสาว ๆ จะไม่เหงาอีกต่อไป 

จ้างโอปป้า ให้พาเที่ยว ต้องทำอย่างไร และควรจ้างแบบไหน

สำหรับสาว ๆ ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว อาจจะต้องมีความระมัดระวังตัวเองและคำนึงถึงความปลอดภัยมากเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว และการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในต่างแดนฟังดูจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ แต่ถ้าเราลองมองในมุมอื่น ว่าการได้ลองทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมดูบ้าง ก็อาจจะเป็นสีสันใหม่ที่น่าจดจำสำหรับการเดินทางของเราก็ได้

บริษัทที่ผุดแนวคิดให้จ้างโอปป้าพาเที่ยวนี้ขึ้นมา เป็นบริษัทในเกาหลีที่คล้ายกับการบริการหาไกด์นำเที่ยวส่วนตัวให้เรา  แต่เราสามารถเป็นคนเลือกไกด์ที่ถูกใจได้ด้วยตัวเอง โดยคอนเซ็ปต์คือการใช้คำว่า โอปป้า มาเป็นจุดขาย เพื่อสร้างความแตกต่างขึ้นมา โดยเจาะกลุ่มสาว ๆ ที่ชื่นชอบความเป็นเกาหลี และได้ความรู้สึกว่าเราได้มีเพื่อนชาวเกาหลีมาเที่ยวเป็นเพื่อนนั่นเอง โดยจะขออธิบายคำว่า โอปป้า ซึ่งแปลว่า พี่ชาย ใช้สำหรับน้องสาวเรียกพี่ชาย หรือผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่าเรียกผู้ชายที่มีอายุมากกว่า และความหมายอีกนัยหนึ่ง คำว่าโอปป้า เป็นคำที่แฟนสาวชาวเกาหลีใช้เรียกแฟนหนุ่มของตัวเองได้ จึงเหมือนตีความออกมาได้สองความหมายแล้วแต่สถานะ

วิธีการเข้าไปเลือกโอปป้าก็แสนจะง่าย เราสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการ โดยทำการสมัครสมาชิกก่อนให้เรียบร้อย ในนั้นจะมีรูปถ่าย รายชื่อของโอปป้าและประวัติให้เราดูก่อน โดยแต่ละคนจะมีประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ภาษาที่สามารถสื่อสารได้ งานอดิเรก ส่วนสถานที่ต่าง ๆ สำหรับการนัดเจอกัน เช่น เราต้องการไปเที่ยว อิแทวอน สามารถนัดเจอได้ ตรงสถานีอิแทวอน ทางออกหมายเลข 1  ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 70 USD หรือประมาณ 2,240 บาท โดยยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นที่สาว ๆ จะต้องเป็นคนจ่ายเอง มีเวลากำหนดการจ้างที่แน่นอน คือ 2 ชั่วโมง 30 นาที หรือเราอยากไปที่อื่นนอกเหนือจากนี้ ก็ไม่มีปัญหา รวมทั้งถ้าอยากจ้างนานกว่าเวลาที่กำหนด ก็ย่อมได้ เป็นสายเปย์ทั้งที มีเงินก็จ้างไปได้เลย แต่ไม่ว่าจะจ้างโอปป้าคนไหน หรือจะไปไหน ก็จะต้องทำการจองก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน

ถ้าสาว ๆ คนไหนไม่สะดวกใจที่จะไปเที่ยวกับโอปป้า เค้าก็มีบริการ Unnie Service หรือ ออนนี่ ที่แปลว่า พี่สาว ให้เลือกพาเที่ยวด้วยเช่นกัน ซึ่งมีข้อจำกัดว่าต้องเป็นเฉพาะสาว ๆ เท่านั้นถึงจะใช้บริการออนนี่พาเที่ยวได้ เพราะฉะนั้นหนุ่ม ๆ อดไปตามระเบียบ

จะเห็นว่าการใช้บริการหาเพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นพาเราเที่ยวก็น่าสนใจดีเหมือนกันใช่ไหม ข้อดีแรกก็คือเรามั่นใจได้ว่านี่คืองานของเขา คนที่เราเลือกก็ย่อมผ่านการคัดกรองจากบริษัทมาอย่างดีแล้ว มีตัวตนที่น่าเชื่อถือได้ ข้อดีต่อมาคือเราอาจจะได้ความรู้และได้เดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่โดยมีเจ้าถิ่นที่เชี่ยวชาญพื้นที่พาไป และเผลอ ๆ เราก็อาจจะได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง เป็นโบนัส เป็นการได้แลกเปลี่ยนทัศนคติและประสบการณ์ของกันและกัน เป็นอีกหนึ่งสีสันของการเดินทางท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร แค่เราเปิดใจยอมรับและมองหาข้อดีที่เราได้รับเท่านั้นเอง

Icheon เมืองแห่งศิลปะ และตำนานเครื่องปั้นดินเผาโบราณแห่งเกาหลี

เมือง Icheon หรืออ่านว่า “อิชอน” เป็นเมืองที่คนชอบงานเครื่องปั้นดินเผา เซรามิค ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะ เมืองอิชอนขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคของราชวงศ์โชซอนแห่งเกาหลี ที่เหล่าช่างปั้นดินเผาฝีมือดีต่างแข่งขันกันส่งงานปั้นที่ดีที่สุดเข้าวังหลวงกันเลยทีเดียว

เหตุผลที่คุณควรมาเยือนเมืองอิชอนสักครั้ง นอกจากเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องงานปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมของเกาหลี ยังรวมงานฝีมือ และศิลปะด้านอื่น ๆ ไว้ทั่วทั้งเมือง ที่นี่การันตีด้วยองค์การ UNESCO หรือองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ จากการเข้าร่วมเครือข่ายของ UNESCO’s Creative Cities Network เป็นเมืองแรก และยังได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประกวดงานปั้นเซรามิคในหลาย ๆ งาน จนถูกยกให้เป็นเมืองประธานแห่งแผนกหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านในปี 2018

Yes Park สวนแห่งพรสวรรค์ และความภาคภูมิใจในศิลปะ

“Ye” ซึ่งแปลว่า “ทักษะ” หรือ “พรสวรรค์” Ye’s Park จึงถูกสร้างขึ้นมา เปรียบเสมือนแกลเลอรีขนาดใหญ่มหึมาของเมืองอิชอน เป็นหมู่บ้านที่มีเวิร์กชอปสำหรับงานหัตถกรรมถึงสองร้อยกว่าแห่ง อาจจะมีเดินหลงเมืองกันบ้างล่ะ ที่นี่มีแกลเลอรีงานเซรามิค งานไม้ เฟอร์นิเจอร์แบบวินเทจ ภาพวาด ประติมากรรม ฯลฯ เอาเป็นว่ารวมแหล่งงานศิลปะไว้เกือบทั้งหมด สายอาร์ตที่หลงใหลในศิลปะ ต้องการมาที่ Ye’s Park ควรวางแผนจัดเวลาไว้ให้ดี เพราะการจัดเวิร์กชอปของที่นี่มีโปรแกรมที่น่าสนใจมากมายให้คุณมาฝึกสร้างสรรค์ผลงานกับศิลปินท้องถิ่นตัวจริงเสียงจริงที่มีฝีมือขั้นเทพ

สำหรับผู้ที่อยากดื่มด่ำกับงานศิลปะให้จุใจ แกลเลอรีหรือเวิร์กชอปบางแห่งมีห้องรับรองสำหรับแขกผู้มาเยือนด้วย ภายใต้แนวคิด “Artstay” เก๋ไปอีกไหมล่ะ เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ทำงานแต่เป็นบ้านของศิลปินอีกด้วย คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ได้สัมผัสวิธีการทำงาน และวิถีชีวิตของศิลปินท้องถิ่นแห่งเมืองอิชอน ซึ่งหาได้ยากและเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ

ในเมื่อเมืองอิชอนถูกแต่งตั้งให้เป็นท่านประธานแห่งงานศิลปะหัตถกรรมแล้ว ก็ต้องจัดเต็มให้สมศักดิ์ศรี เพราะที่นี่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลต่าง ๆ อีกมากมาย Ye’s Park ยังมีชื่อของสวนสาธารณะที่แบ่งออกเป็นสวนต่าง ๆ ตามธีมงาน เช่น Gama Village, Hoerang Village, Café Street และสวนอื่น ๆ โดยแต่ละส่วนมีตลาดนัดและงานเทศกาลที่มีความสนุกและมีชีวิตชีวามากทีเดียว ยังไม่พอ สถานที่นี้ยังมีการจัดงาน National Acoustic Guitar Festival สำหรับคนชอบดนตรีขึ้นในเดือนมิถุนายน และงานเทศกาลฤดูร้อนของเกาหลีในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม มีสถานที่ตั้งแคมป์สำหรับครอบครัว จัดเต็มกันขนาดนี้ สายเที่ยวจะพลาดได้ไง

มีของแถมส่งท้ายสำหรับคนที่ชอบหิมะและกีฬาแอดเวนเจอร์ เมืองอิชอนยังมีรีสอร์ทที่ให้คุณได้มาลองเล่นสกี นั่นคือ Jisan Resort Forest ซึ่งเปิดในช่วงหน้าหนาวหรือตั้งแต่เดือนธันวาคม ราคาค่าเล่นสกีนั้นก็แสนจะถูก ไม่เกิน 30,000 วอน เล่นได้ทั้งวัน มีรถบัสของทางรีสอร์ทรับ – ส่ง ฟรีจากโซลมายัง Jisan และเมืองใกล้เคียง ขอบอกอีกนิดว่าการเดินทางจากโซลมายังเมืองอิชอน ยังสามารถนั่งรถบัสจากสนามบินอินชอนได้เลยโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ แต่ไม่ฟรี แต่มาเที่ยวทั้งทีได้ครบ ทั้งความรู้ งานศิลปะ วัฒนธรรมพื้นเมือง แถมได้เล่นสกี สัมผัสหิมะแบบ ฟิน ๆ กันไปเลย ใครที่มองหาตัวเลือกไว้ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากโซล อย่าลืมเก็บเมือง อิชอน ไว้ในทริปครั้งหน้าของคุณกันด้วยล่ะ