สายเที่ยวจะรู้ดีว่าเมื่อต้องเดินทางข้าม Time Zone หรือเขตเวลาที่ต่างกันมาก ๆ เช่น ต้องเดินทางข้ามทวีปไปยุโรป สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยคืออาการเจ็ทแลค (Jet Lag) เป็นอาการเมาเวลาที่ทรมานต่อร่างกายสุด ๆ เพราะไม่สามารถปรับเวลานอนได้แบบกะทันหัน ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย กลางวันตื่น กลางคืนนอนไม่หลับ วันนี้เรามีเทคนิคง่าย ๆ มาฝาก สำหรับคนที่ไม่ชอบอาการเจ็ทแลค เมื่อต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน เพื่อท่องเที่ยวไกล ๆ มาเตรียมตัวไว้ก่อนไปเที่ยว

ไปเที่ยวให้เพลิน เมินอาการเจ็ทแลค กับ 7 วิธี เตรียมตัวเนิ่น ๆ ก่อนเดินทาง

1.ปรับเวลานอนตั้งแต่ก่อนเดินทาง วิธีนี้เป็นการปรับเวลานอนของเราเอง ให้ตรงกับเวลาท้องถิ่นที่เราต้องการไปล่วงหน้า เราอาจจะค่อย ๆ เลื่อนเวลานอนของเราเร็วขึ้นทีละน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง จนทำให้ร่างกายชินกับเวลานอนใหม่ แต่สำหรับคนที่ยังมีภารกิจประจำวัน ไม่สามารถปรับเวลาก่อนเดินทางได้เยอะ ก็ไม่ต้องกังวล แค่ทำให้ใกล้เคียงมากที่สุดก็พอแล้ว

2.เลือกเวลาบินให้เหมาะสม นักเดินทางไม่มีใครไม่รู้จัก Red-eye Flight แปลง่าย ๆ คือไฟลท์ตาแดง คือเลือกเดินทางกับเที่ยวบินตอนดึก ๆ เพื่อไปถึงที่หมายในตอนเช้า ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นเที่ยวบินที่ทรมาน แต่ข้อดีของมันคือถ้าเราเป็นคนที่นอนหลับง่าย การนอนพักผ่อนบนเครื่องให้เต็มอิ่มก่อนถึงที่หมายปลายทาง จึงเป็นตัวเลือกแก้ปัญหาอาการเจ็ทแลคได้อีกวิธีหนึ่ง

3.เตรียมอุปกรณ์การนอนให้พร้อมก่อนเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าปิดตา ที่อุดหู หรือแม้แต่ตุ๊กตาที่คุณนอนกอดประจำ หากไม่ลำบากหิ้วมากจนเกินไป รวมทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ควรใส่สบายและเหมาะสม สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรานอนหลับสบายมากขึ้นเวลาอยู่บนเครื่องบิน และนอกจากอุปกรณ์การนอนแล้ว คุณยังมีตัวเลือกในการพกอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่มีแอปฯ ดีๆ แก้เบื่ออย่าง Fun88 PT ติดตัวไปด้วย โดยบนแอปพลิเคชั่นนี้จะมีเกมมากมายให้เลือกเล่น

4.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ก่อนเดินทาง ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางในช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน ถ้าเลี่ยงได้ คุณควรเลี่ยง เพื่องดการกระตุ้นการทำงานของร่างกายไม่ให้มีความตื่นตัวหรือทำงานผิดไปจากปกติ

5.ดื่มน้ำให้เพียงพอ วิธีนี้ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการเดินทาง สำคัญมากพอ ๆ กับการพักผ่อน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ถ้าตามสูตรคือประมาณ 8 แก้วต่อวัน น้ำจะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลได้เร็วมากขึ้นจากอาการเจ็ทแลค อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเด็ดขาด

6.ออกกำลังกายและออกไปเดินรับแสงแดดในตอนเช้า เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว วิธีนี้หากใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ปรับตัวได้เร็วมากขึ้น ส่วนแสงแดดนั้นจะช่วยปรับนาฬิการ่างกายให้เป็นปกติหลังจากการเดินทางได้เร็ว ลดอาการเหนื่อยล้าได้ดี

7.ใช้เมลาโทนินเป็นตัวช่วย วิธีสุดท้ายนี้ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ถ้าคุณเกิดอาการเจ็ทแลคนานกว่าปกติ และได้ใช้วิธีทั้งหมดข้างบนมาหมดแล้ว ยังไม่สามารถนอนหลับตามปกติได้ จนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจะต้องรับประทานยาเมลาโทนินเพื่อช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

โดยปกติอาการเจ็ทแลคจะหายไปได้ภายในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์หรืออาจจะเร็วกว่านั้นสำหรับบางคน แค่ทำตามเทคนิคที่บอกมาทั้งหมด เชื่อว่าทุกคนจะสามารถเดินทางได้แบบสบายใจ และสามารถปรับตัวตามเวลาได้ดีขึ้น เวลาท่องเที่ยวก็จะได้สดชื่น มีแรงเที่ยวอย่างเต็มที่