Month: September 2020

10 เมืองท่องเที่ยว แบ็คแพ็คไปลุยคนเดียวก็สนุกได้ การันตีว่าปลอดภัยมากที่สุดในโลก

การออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแบบลุยเดี่ยว ดูเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็กล้าทำกันมากขึ้นในสมัยนี้ ส่วนอีกหลายคนคิดอยากจะไปคนเดียวแต่ไม่กล้า เรื่องที่น่าห่วงมากที่สุดคงเป็นเรื่องของความปลอดภัยของตัวเอง โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่แม้จะคิดว่าตัวเองเป็นสาวแกร่งแค่ไหน ก็ต้องมีความกังวลกันบ้าง แต่ปัจจุบันมีเมืองท่องเที่ยวหลายเมืองที่การันตีได้ในเรื่องของความปลอดภัยมากที่สุดในโลก เพื่อให้นักเดินทางที่อยากเริ่มต้นลุยเดี่ยวแบบสบายใจ แทนที่จะกลัวจนหมดสนุก เราลองเลือกเมืองที่เหมาะสม แล้วออกไปท่องโลกกันเถอะ

10 เมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับความปลอดภัยสูงสุด มีคะแนนการันตี เที่ยวได้สบายใจ

จากการรวบรวมข้อมูลของเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อจัดอันดับของความปลอดภัย ของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ในปี 2019 นั้น โดยสรุปออกมาเป็นภาพรวม คือ ความปลอดภัยส่วนบุคคล สุขภาพ สาธารณูปโภคพื้นฐาน และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหรือด้านดิจิตอล เริ่มจากอันดับความปลอดภัยสูงสุด ที่มีคะแนนรวมจากมากที่สุด

อันดับที่ 1 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

แชมป์ของเมืองที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลก ในทวีปเอเชียแปซิฟิก ตกเป็นของเมืองโตเกียว ได้คะแนนรวม 92 คะแนน ชนะแบบไม่ต้องสงสัยเพราะเราเห็นระบบต่าง ๆ เช่น การรับมือกับการเกิดแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นแม้จะมีอาคารขนาดใหญ่ในเมืองมากมาย รวมถึงความปลอดภัยส่วนบุคคล ไปเที่ยวโตเกียวถึงไปคนเดียวก็เที่ยวสบายหายห่วง

อันดับที่ 2 สิงคโปร์

คะแนนรวม 91.5 การันตีว่าสิงคโปร์เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวคนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี การเดินทางในเมืองสิงคโปร์สะดวกมาก อยากลองออกเดินทางคนเดียว ลองไปลุยที่นี่ก่อนได้ แหล่งท่องเที่ยวมีคุณภาพและปลอดภัยไม่แพ้อันดับ 1 เลย

อันดับที่ 3 โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

วกกลับมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกรอบ แต่เปลี่ยนเป็นเมืองโอซาก้า ที่ได้คะแนนความปลอดภัยรวมไป 90.5 โอซาก้านั้นสวยงาม น่าเที่ยว ขอแค่เตรียมแผนการเดินทางให้พร้อม กายพร้อม ใจพร้อม เตรียมบินไปโอซาก้ากันได้เลย

อันดับที่ 4 อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์

ไปฝั่งยุโรปกับเมือง อัมสเตอร์ดัม คะแนนรวม 88 คะแนน เลขสวยซะด้วย สมกับเป็นเมืองแห่งมรดกโลก เมืองเล็ก ๆ แต่ปลอดภัยและมีประวัติศาสตร์เก่าแก่สวยงามอีกเมืองหนึ่ง ถึงจะดูไกลไปสำหรับนักเดินทางมือใหม่ แต่เมื่อมั่นใจว่าอยากไปเที่ยวที่นี่แล้ว อย่ารีรอ

อันดับที่ 5 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

เมืองปลอดภัย Top 5 ที่ได้คะแนนรวมไป 87.9 คะแนน ซิดนีย์เป็นประเทศที่จัดอยู่ในทวีปเอเชียแปซิฟิก เมืองแห่งความมีชีวิตชีวา อีกเมืองหนึ่งที่น่าไปเที่ยว การันตีด้วยความปลอดภัยส่วนบุคคลและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี

อันดับที่ 6 โตรอนโต ประเทศแคนาดา

คะแนนรวมสูสีกับเมืองซิดนีย์ ห่างกันเพียง 0.1 เท่านั้น โตรอนโตได้คะแนนไป 87.8 เมืองแห่งความปลอดภัยที่สุดและสะอาดที่สุดในอเมริกาเหนือ เสน่ห์ที่น่ารักของโตรอนโตคือผู้คนที่นี่เป็นมิตรมาก ถึงแม้จะรั้งอันดับที่ 6 แต่ความน่าเที่ยวของเมืองนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองอื่น ๆ เลย

อันดับที่ 7 วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

เมืองต้นกำเนิดของประชาธิปไตย และเป็นจุดศูนย์กลางทางการเมือง รวมถึงประวัติศาสตร์ของอเมริกา คะแนนรวมที่ได้คือ 87.6 คะแนน จุดเด่นที่น่าท่องเที่ยวของเมืองวอชิงตัน ดี.ซี.คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ อนุสรณ์สถานต่าง ๆ ที่มีอยู่เต็มไปหมด

อันดับที่ 8 โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

โคเปนเฮเกน ได้คะแนนรวมไป 87.4 คะแนน เมืองในเทพนิยายที่ผู้คนขนานนาม เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่น่าสนใจ ว่ากันว่าใครได้ไปเที่ยวก็เหมือนดั่งต้องมนต์ ถึงจะอยู่ในอันดับ 7 แต่ความปลอดภัยสูงไม่ได้น้อยไปกว่าเมืองไหน ใครจะแบกเป้เที่ยว ลุยเดี่ยวเมืองนี้ก่อนก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

อันดับที่ 9 โซล ประเทศเกาหลีใต้

เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยว คะแนนรวมอยู่ที่ 87.4 แต่โซลขึ้นชื่อในเรื่องความปลอดภัยมากสุด ๆ เช่นกัน เนื่องจากมีกฎระเบียบและกฎหมายที่เข้มข้นจริงจัง ผู้คนมีวินัย มีแหล่งท่องเที่ยวเอาใจวัยรุ่นมากมาย อาหารการกินก็อร่อย หากอยากจะลองตะลุยโซลคนเดียว จะมัวรออะไร รู้แบบนี้ สาว ๆ สบายใจลุยเดี่ยวได้เลย

อันดับที่ 10 เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

วกกลับมาที่ออสเตรเลียกันอีกครั้ง ได้คะแนน 87.4 เท่ากับโซล เมลเบิร์นเป็นเมืองสวยงามน่าไปมาก และอากาศดี ช่วงที่น่าเที่ยวคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือเดือนเมษายน อากาศจะไม่หนาวมากหรือร้อนมากจนเกินไป

พอจะตัดสินใจกันได้แล้วใช่ไหมสำหรับนักเดินทางมือใหม่ที่อยากจะท้าทายตัวเอง แม้แต่ละเมืองจะถูกจัดอันดับความปลอดภัยมาให้สบายใจกันระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็ควรเตรียมตัว ศึกษากฎ ระเบียบ ของเมืองต่าง ๆ ที่เราจะไปให้ดีก่อนด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดหวังไว้ จะได้มีข้อมูลช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น อย่าลืมว่าความปลอดภัยของตัวเรานั้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

คนโสดต้องลุย เตรียมบินไปไหว้ขอแฟน 4 วัด 4 ประเทศ อยากลงจากคาน จะรอช้าได้ไง

สาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ คนไหนบ่นว่าโสด เหงา อยากมีแฟนมาตลอด จะทนเหงากันอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ อยากมีแฟนมาทางนี้ เรามีวิธีให้คนโสดลงจากคาน ส่วนคนที่เพิ่งอกหักจงปาดน้ำตาแล้วเดินหน้าเตรียมเก็บกระเป๋าบินไปขอคู่กันเลย เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเลยดีกว่า กับ 4 วัดศักดิ์สิทธิ์ในประเทศเอเชีย อยู่ใกล้ไทย ไปง่าย พร้อมวิธีขอพรที่ถูกต้อง ขอยังไงให้ได้ลงจากคาน

4 วัดศักดิ์สิทธิ์ สำหรับคนโสด ที่ต้องไปขอเนื้อคู่ ขอแล้วได้แฟนจริง

วัด เยี่ยไห่ชิง (Yueh Hai Ching Temple) ประเทศสิงคโปร์ เริ่มจากที่นี่กันก่อนเลยจากกรุงเทพ ฯ บินไป สิงคโปร์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง วัดนี้ถูกขนานนามว่า “The Love Temple” เพราะคนที่เคยมาขอพรที่วัดนี้ต่างสมหวังในความรักกันมากมาย วิธีขอคือต้องขอกับเทพเจ้า “Elder Of Moon” โดยนำด้ายสีแดงไปคล้องไว้ที่องค์เทพเจ้าและอธิษฐานขอเรื่องคู่

การเดินทาง : MRT สถานี Raffles Place ทางออก D

วัด หวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) ฮ่องกง วัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการขอเนื้อคู่ ภายในวัดมีเทพเจ้าหยกโหลว หรือเทพเจ้าด้ายแดง เป็นรูปปั้นเทพเจ้าสีทองถือสมุดเนื้อคู่อยู่ตรงกลางระหว่างรูปปั้นเจ้าสาว และรูปปั้นเจ้าบ่าว และมีด้ายแดงโยงไปที่เทพเจ้าหยอกโหลว การขอพรจะต้องใช้ด้ายแดงผูกนิ้วเอาไว้ ในระหว่างทำพิธีห้ามไม่ให้ด้ายแดงนี้หลุดออกจากมือเด็ดขาด การขอพรที่ถูกต้องมีวิธีดังนี้

ผู้หญิง ให้ไหว้ที่เทพเจ้าหยกโหลว 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าสาว (ทางซ้ายมือ) อธิษฐานขอคู่ที่เจ้าสาว เสร็จแล้วไหว้ 3 ครั้ง แล้วเดินไปทางรูปปั้นเข้าบ่าว (ทางขวามือ) ใช้มือลูบเท้าเจ้าบ่าว 3 ครั้ง หลังจากนั้นให้ปล่อยด้ายแดงออกได้ และผูกด้ายแดงไว้กับเชือกเป็นอันเสร็จพิธี

ผู้ชาย ไหว้เทพเจ้าหยกโหลว 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าบ่าวก่อน อธิษฐานขอคู่ แล้วไหว้อีก 3 ครั้ง จากนั้นเดินไปที่รูปปั้นเจ้าสาว ใช้มือลูบที่เท้าเจ้าสาว 3 ครั้ง แล้วปล่อยมือออกจากกันได้และจึงผูกด้ายแดงไว้ที่เชือก

การเดินทาง : MRT สถานี Wong Tai Sin ทางออก B2

วัดหลงซาน เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน จากกรุงเทพบินไปไต้หวันใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง วัดเก่าแก่ของไต้หวันที่มีชื่อเสียง คนโสดมาขอพรเรื่องความรักกันที่วัดแห่งนี้ต่างก็สมหวังกันมาเยอะ รู้แบบนี้ต้องรีบมา และวิธีไหว้ขอพรที่ถูกต้องคือต้องไหว้กับเทพเฒ่าจันทรา โดยให้หยิบไม้สีแดงรูปพระจันทร์เสี้ยว หรือเรียกกันว่า “เซ้งปวย” ประกบคู่ไว้ในมือ แล้วบอก ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด ของเรา โดยจะต้องบอกอย่างละเอียด แล้วอธิษฐานขอคู่ ใครมีสเปคแฟนไว้แบบไหน รูปร่าง หน้าตา นิสัยที่อยากได้ ให้บอกให้หมด อย่าเขินอาย ไปขนาดนี้แล้ว ต้องขอให้จริงจัง

จากนั้นก็เป็นการถามเรื่องความรักที่เราอธิษฐานไปเพื่อขอด้ายแดงจากเทพเฒ่าจันทราด้วยการโยนไม้เสี่ยงทาย จะต้องโยนไม้ 3 ครั้ง และไม้จะต้องออกมารูปแบบ คว่ำ 1 อัน หงาย 1 อัน แบบนี้ติดกัน 3 ครั้ง แบบนี้ถือว่าสำเร็จ จึงจะสามารถหยิบด้ายแดงออกมาได้เพื่อนำไปวนที่กระถางธูป 3 รอบ และจะต้องวนตามเข็มนาฬิกาเท่านั้น เชื่อว่าด้ายแดงนี้จะไปผูกคนที่เป็นเนื้อคู่เราให้มาเจอกัน

หากเราโยนไม้เสี่ยงทายออกเป็นรูปแบบคว่ำทั้งสองอันในรอบใดรอบหนึ่ง จะหมดสิทธิ์โยนต่อ แปลว่า ไม่ได้ แต่ถ้าไม้หงายทั้งสองอัน มีความหมายว่าไม่รู้ หรือไม่แน่ใจ สามารถโยนไม้เสี่ยงทายใหม่ได้ โดยนับรอบใหม่ให้ครบ 3 ครั้ง ขั้นตอนนี้ขอให้ตั้งใจ เพราะนี่หมายถึงคำตอบว่าคุณจะได้คู่หรือไม่

การเดินทาง : MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Longshan Temple ทางออก 1

ศาลเจ้า โตเกียว ไดจินกู (Tokyo Daijingu) ประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่หนุ่มสาวโสดชาวญี่ปุ่นยกให้เป็นอันดับหนึ่งในการมาขอพรเรื่องความรัก การันตีด้วยการที่มีเหล่าบรรดาคนโสดหลั่งไหลกันมาขอพรที่นี่ไม่ขาดสาย วิธีการขอพรนั้นไม่ยุ่งยาก ก่อนอื่นให้เดินไปยังจุดล้างมือ เพื่อตักน้ำรดมือทั้ง 2 ข้างเพื่อเป็นการชำระล้างร่างกายและจิตใจเราก่อนทำการอธิษฐาน ให้โยนเหรียญเพื่อเป็นเหมือนการบริจาคให้ศาลเจ้า แล้วโค้งคำนับ 2 ครั้ง ประกบมือทั้ง 2 ข้างแล้วปรบมือ 2 ครั้งให้เกิดเสียง เชื่อว่าเป็นการทำให้เทพเจ้ารับรู้ว่าเรากำลังมาขอพร เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วให้โค้งคำนับ 1 ครั้ง ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เครื่องรางต่าง ๆ ไอเทมที่ได้รับความนิยมมาก ๆ คือ “เครื่องรางเทพเจ้าผูกรัก Enmusubi” และยังมีเครื่องรางอื่น ๆ มีให้เลือกสำหรับเก็บไปบูชา หรือเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย เอาเป็นว่าเลือกกันได้ตามอัธยาศัยและความศรัทธาก็แล้วกัน

การเดินทาง : MRT สถานี Idabashi ทางออก A4 หรือ นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Idabishi ทางออก West

รู้พิกัดกันขนาดนี้แล้ว คนโสดควรลุย เดินหน้าไปต่อได้เลยสวย ๆ เรื่องความรักเป็นเรื่องธรรมชาติของคนทุกคน และการไปขอพรนั้น ไม่จำเป็นจะต้องขอเรื่องเนื้อคู่เพียงอย่างเดียว ใครอยากขอเรื่องสุขภาพ การงาน หรือเรื่องใดก็ตามก็สามารถอธิษฐานได้ทุกเรื่อง หากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อเราให้ความเคารพสถานที่และมีจิตใจศรัทธา รวมทั้งปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรมเสมอ เชื่อว่าท่านย่อมให้สิ่งดี ๆ ตอบแทนเราแน่นอน

เที่ยวแบบชิล ๆ ที่เชียงดาว ไปกี่ครั้งก็ยังหลงรัก

ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่รักป่า รักเขา คุณจะต้องหลงรักเชียงดาวอย่างแน่นอน อำเภอเชียงดาวเป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาจจะเป็นเพราะเสน่ห์ของธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มองเห็นวิวภูเขาโอบล้อมเมือง เสน่ห์ของผู้คนที่มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แลดูเป็นมิตรและอบอุ่นสำหรับคนต่างถิ่นที่ได้มาเยือน

เชียงดาว และมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติที่น่าหลงใหล

อำเภอเชียงดาวห่างจากตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่ประมาณ 72 กิโลเมตร หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งถือว่าใช้เวลาไม่นานมากนัก เราก็สามารถไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติและความสงบนอกตัวเมืองกันได้แล้ว ที่นี่มีภูเขาที่เสมือนเป็นจุดแลนด์มาร์ก สามารถมองเห็นได้เด่นชัดมาก คือ “ดอยหลวงเชียงดาว” ภูเขาสูงใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่า ให้ผู้มาเยือนต่างตะลึงกับขนาดและความสวยงาม

ซึ่งคำว่า “ดอย” แปลว่า “ภูเขา” และ “หลวง” ในที่นี้แปลว่า “ใหญ่” นั่นเอง ถือเป็นมนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลของดอยหลวงเชียงดาวที่สร้างความน่าประทับใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาพบเห็นเสมอ หากใครที่อยากชื่นชมความงามของดอยหลวงเชียงดาวแบบสบาย ๆ ปัจจุบันมีที่พัก รีสอร์ท สวยงามหลายแห่ง รอต้อนรับนักท่องเที่ยวมาจับจอง พักผ่อนแบบสบาย ๆ เพื่อชื่นชมความงามของดอยหลวงเชียงดาวกันได้อย่างเต็มอิ่ม บางแห่งนอกจากมีที่พักแล้วยังมีบริการหมูกระทะ และปิ้งย่าง เป็นเซ็ต ให้นั่งทานที่ระเบียงพร้อมชมวิวดอยหลวงแบบฟิน ๆ กันอีกด้วย เรียกว่ามาแล้วได้ทั้งบรรยากาศ ทั้งอิ่มท้องจุก ๆ กันไปเลย แต่ก่อนที่จะไปฟินกับหมูกระทะ คนที่อยากผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำร้อนแบบออนเซ็น จะต้องไม่พลาด เพราะที่เชียงดาวมี “บ่อน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ” มีบริการบ่อน้ำร้อนให้แช่แบบฟรี และบ่อน้ำร้อนส่วนตัว ที่มีค่าบริการ คิดเป็นชั่วโมงละ 50 บาทเท่านั้น แต่ได้แช่น้ำร้อนในบ่อส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติกันแบบ ชิล ๆ คุ้มค่ากับการมาพักผ่อนหย่อนใจอย่างแท้จริง

หากมาเยือนเชียงดาวแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะต้องนึกถึงเสมอ นั่นคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น วัด หรือโบราณสถานเก่าแก่ของที่นี่ เพื่อไปกราบขอพรให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองหรือครอบครัว วัดที่ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีประวัติยาวนานประจำอำเภอเชียงดาวและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบัน นั่นก็คือ “วัดถ้ำเชียงดาว”

วัดถ้ำเชียงดาว ตำนานความเชื่อ ความศรัทธา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์

วัดถ้ำเชียงดาว เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของถ้ำเชียงดาว ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมของพระธุดงค์และฤาษี ต่อมามีการสร้างโบราณสถาน เช่น เจดีย์ และพระพุทธรูปทันใจ หรือ หลวงพ่อทันใจ ที่เชื่อว่าหากได้มาอธิษฐานขอพรหลวงพ่อทันใจแล้วมักจะได้รับความสมหวังดังใจปรารถนา รวมถึงตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ในอดีต ทำให้วัดถ้ำเชียงดาวกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนศรัทธา และเคารพนับถือมากราบไหว้ขอพรเป็นจำนวนมาก จากนั้นจึงมีการบูรณะวัดถ้ำเชียงดาวเรื่อยมาจนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบัน ในส่วนด้านในของถ้ำนั้นยังมีหินงอก หินย้อยที่เกิดตามธรรมชาติ เป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างสวยงาม และยังมีพระพุทธรูปอยู่ภายในถ้ำด้วย สายบุญไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

หากท่านใดยังไม่เคยมาเที่ยวอำเภอเชียงดาว หรือเคยมาแล้วและยังอยากมาย้ำความประทับใจกับธรรมชาติที่ยังคงมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของเชียงดาว ขอแค่เตรียมตัวและวางแผนการเดินทางให้พร้อม แนะนำว่าควรมาพักอย่างน้อย 1 คืน เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวแบบ ชิล ๆ ไม่ต้องเร่งรีบมากนัก แล้วคุณอาจจะหลงรักเชียงดาวจนอยากจะกลับมาเที่ยวอีกครั้งแน่นอน